อย่าเอาแต่ปัจจุบันอย่างเดียว
อย่าเอาแต่ปัจจุบันอย่างเดียว
เมื่อเราเกิดปัญหาหรือเกิดความทุกข์ขึ้นมา เราอย่าดูแต่ปัจจุบันอย่างเดียว เราดูแต่เหตุปัจจุบันไม่ได้ ของเก่า กรรมเก่า ไม่ยอมดู เราจะต้องดูอดีต ความเป็นมาของปัญหาหรือความเดือดร้อนนั้นๆ เราถึงจะรู้ปัจจุบันคืออะไร ถ้าไม่รู้อดีตแล้วจะรู้ปัจจุบันได้อย่างไร ได้แต่คิดตามอุปโลกน์คิดเอาเอง
บางคนไม่ยอมรับว่าตนมีกรรมตั้งแต่อดีต เช่น เวลานี้ฉันเป็นอย่างไร อะไรทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ ได้แต่คร่ำครวญ เพราะไม่ยอมรับว่ามีกรรมอดีตมา จึงมีเป็นผลอย่างนั้น ทั้ง ๓ อย่างแยกออกจากกันไม่ได้ คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ต้องพัวพันกันหมด
ถ้าเราไม่รู้สาเหตุในอดีตเป็นมาอย่างไร แล้วเราจะรู้สาเหตุแห่งปัจจุบันที่เราเป็นได้อย่างไร เราต้องรู้สาเหตุจากอดีต รู้ผลแห่งปัจจุบัน เราจึงแก้เหตุและผลในปัจจุบัน เราจึงมีอนาคตที่ดี เป็นของเรียงกัน
อยู่ดีๆ จะไปตัดตอนใดตอนหนึ่ง แล้วจะเอาจากตอนใดตอนหนึ่ง มันไม่ได้ เราจะต้องรู้ซะก่อน เรารู้แล้วเราจะตัดเราค่อยตัด คืนสู่ธรรมไป ถ้าไม่อย่างนั้นเราไม่รู้เรื่อง แล้วตัดไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็กลายเป็นอุปโลกน์ แล้วบอกว่าฉันไม่ได้คิดแล้ว แต่สิ่งที่ไม่ดี ความชั่วก็โผล่ขึ้นมาทุกที
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์