"ธาตุ" ต้นกำเนิดให้เกิดรูปทุกสรรพสิ่ง


<
"ธาตุ" ต้นกำเนิดให้เกิดรูปทุกสรรพสิ่ง

ธาตุ ๔

ธาตุ คือ สิ่งที่ทรงสภาวะของมันอยู่เองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย

๑. ปฐวีธาตุ คือ ธาตุดิน มีลักษณะแข็ง เช่น เหล็ก หิน ไม้ ฯลฯ

๒. อาโปธาตุ คือ ธาตุน้ำ มีลักษณะไหลหรือเกาะกุม ถ้าอาโปธาตุอยู่ในวัตถุสิ่งใดมาก ก็จะทำให้วัตถุนั้นเหลวและไหลไปได้ แต่ถ้าวัตถุนั้นมีอาโปธาตุน้อย ก็จะทำให้วัตถุนั้นเกาะกุมกันเป็นก้อน

๓. เตโชธาตุ คือ ธาตุไฟ มีลักษณะร้อนและเย็น ทำให้ดำรงอยู่และทำให้เปลี่ยนแปลง

๔. วาโยธาตุ คือ ธาตุลม มีลักษณะเคร่งตึงไม่เคลื่อนไหวและเคลื่อนไหว



ธาตุลมกับธาตุน้ำแตกต่างกันตรงไหน

ธาตุน้ำลื่นไหล มีเส้นทาง แต่ธาตุลมเคลื่อนไหวไปหมด จะไม่มีจุดให้เราดู มองเห็น ลมวูบวับมาที่นี่ได้ แล้วก็วูบวับไปที่โน้นได้ แต่น้ำจะใหลไปตามเส้นทางของน้ำ

เหมือนกับลิงลม หรือองค์พ่อหนุมาน ท่านเก่ง ท่านเจ๋ง แต่ต้องมีคนควบคุม ถ้าไม่มีคนควบคุม ลมนั้นก็จะปั่นป่วน ตัวเขาจะลำบาก

ลมจะเคลื่อนไหวตามทิศทางธรรมชาติของลม ถ้าเราจะให้ลมเป็นไปตามทิศทางตามที่เราต้องการ ต้องอาศัยการบริหารจัดการของเรา ควบคุมให้ได้ เหมือนกับอารมณ์ของเรา เราต้องรู้จักการบริหารจัดการอารมณ์ของเรา

น้ำที่เคยใหลจะมีเส้นทางเลย ถึงแม้น้ำจะแห้งแล้ว แต่ลมเราจะดูไม่ออกเพราะไร้ทิศทาง บุคคลที่จะดูลมออกแสดงว่าเหนือกว่าบุคคลทั่วไปเยอะมาก เขารู้ความเป็นมา ความเป็นไปของลม จะจับต้นตอของลมได้

เหมือนกับอารมณ์ของเราไม่ถึง ๕ นาที เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ ขึ้นลงๆ ปุ๊บปั้บทั้งนั้นเลย คนที่บ้าเพราะว่าควบคุมไม่ได้

ลมนี้มีพลังเยอะทำให้คนคุ้มคลั่งได้

ถ้าเราไม่เห็นใบไม้ปลิว เราก็ไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามีลม เราต้องสัมผัสเราถึงรู้ว่ามีลม ส่วนน้ำที่จะมาท่วมเราก็เห็นอยู่ แต่ถ้าลมมาเราไม่เห็น เห็นตอนที่ว่ามีสิ่งของปลิ้วไหว

ผู้ที่รู้จัดการบริหารธาตุทั้งหลาย นี่แหละ เรียกว่า อาคม ไสยาศาสตร์ มนตราต่างๆ

การย่อยสลายสรีระร่างกาย

ทำไมร่างกายของมนุษย์เรา เมื่อตายไปแล้ว บางครั้งก็นำเอาสรีระอันไร้ซึ่งจิตวิญญาณนี้ บ้างก็เอาไปเผา บางศพก็นำไปให้อีแร้ง อีกากิน บ้างก็นำไปฝัง

สิ่งต่างๆ นี้ เขาเรียกว่า การนำสังขารอันไร้ซึ่งจิตวิญญาณนี้กลับสู่ธรรมชาติ โดยใช้วิธีการย่อยสลายสรีระร่างกายอันไร้ซึ่งจิตวิญญาณ โดยใช้วิธีการทางธรรมชาติ เช่น

๑. ใช้วิธีย่อยสลายเผาไฟ
๒. ใช้วิธีย่อยสลายฝังดิน
๓. ใช้วิธีย่อยสลายทางอากาศ
๔. ใช้วิธีย่อยสลายทางน้ำ
๕. นำสรีระให้เกิดประโยชน์โดยให้อีแร้งกิน โดยเฉพาะทางประเทศธิเบต จะนิยมกันมา แต่เมื่ออีแร้งกินแล้ว ที่เหลือก็ต้องอาศัย ธาตุทั้ง ๔ ย่อยสลายจนหมด

พูดง่ายๆ คือ ย่อยสลายโดยธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ สุดแล้วแต่ว่าประเทศไหน สิ่งแวดล้อมไหน จะเอื้ออำนวยอย่างไร

คนเรามาจากธาตุทั้ง ๔ ประชุมรวมตัวกันก่อให้เกิดรูปธรรม กลายเป็นรูปร่าง อวัยวะต่างๆ จนกลายเป็นคนขึ้นมา เพื่อสรีระร่างกายนี้ มันทรุดโทรม ไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ ก็ต้องย่อยสลายไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ เข้าสู่ธาตุทั้ง ๔ เหมือนเดิม

ฉะนั้น เมื่อธรรมชาติให้ชีวิตร่างกายเรามา ก็อย่าลืมกตัญญูต่อธรรมชาติ



ทำไมเราต้องคืนสู่ธรรม

เพราะว่าสิ่งต่างๆ เป็นธาตุมาจากธรรม เราก็ต้องเป็นธาตุคืนสู่ธรรม ถ้าหากเป็นก้อนๆ ก็ไม่สามารถคืนสู่ธรรมได้ ต้องให้กลายเป็นธาตุถึงจะคืนสู่ธรรมได้ ถ้ากลายเป็นธรรมถึงจะสมดุลตลอด ออกมาจากธรรมเท่าไหร่ ก็จะต้องกลับคืนสู่ธรรมเท่านั้นถึงจะเกิดความสมดุลในธรรม ถ้าไม่เช่นนั้น ธรรมก็จะไม่สมดุล ทุกอย่างจึงเป็นวงกลมหมด เราเกิดจากดิน สุดท้ายเราก็คืนสู่ดิน เป็นรูปวงกลม เกิดจากไหนก็ไปสิ้นสุดที่นั้น

เราเกิดจากธาตุทั้ง ๔ เราก็คืนสู่ธาตุทั้ง ๔



วิธีการย่อยสลาย

๑. ทำไมถึงต้องใช้วิธีการย่อยสลายทางดิน โดยการฝัง

เพราะว่า การฝังเป็นการง่ายต่อการย่อยสลายสรีระร่างกาย และไม่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น แต่ต้องฝังลึกลงไปหน่อย แต่อาจจะใช้เวลาพอสมควร แต่วิธีการนี้ปัจจุบัน ก็เริ่มหายากแล้ว เพราะว่าที่ดินแพง แต่สมัยก่อนจะนิยม ตามที่เราเห็นป่าช้าของจีน ที่เรียกว่า ฮวงจุ้ยคนตาย


๒. ทำไมถึงต้องใช้วิธีการย่อยสลายทางน้ำ

ใช้วิธีการย่อยสลายทางน้ำ จะใช้วิธีการนี้มาก ส่วนมากจะอยู่ที่แถบประเทศอินเดียเป็นส่วนใหญ่ ตรงแม่น้ำคงคา เพราะว่า ทางคติชาวฮินดู จะถือว่า พระแม่คงคาสามารถชำระล้างบาปได้ ผู้คนต่างๆ จึงต้องการให้ครอบครัว ญาติของตน ได้ชำระล้างบาป และไปอยู่กับพระเจ้า จึงต้องทำเช่นนี้

แต่ประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศ ก็ถือคติเช่นนี้ เช่นเดียวกัน แต่จะทำการเผาก่อน แล้วนำเถ้ากระดูกไปลอยน้ำ


๓. ทำไมต้องใช้วิธีการย่อยสลายทางลมอากาศ

การใช้วิธีการย่อยสลายทางลม อากาศ มักจะเป็นสมัยอดีตโบราณ แต่ปัจจุบันไม่ได้แล้ว เพราะจะส่งกลิ่นเหม็นมาก

แต่ทางประเทศธิเบต จะนิยม นำสรีระร่างกายศพคนตาย มาวางไว้ แล้วจะมีอีแร้ง อีกามาจิกกิน จนเนื้อหมด คงเหลือแต่กระดูก

แต่ประเทศอื่นๆ มักจะไม่ค่อยทำกัน เพราะจะส่งกลิ่นเหม็น แต่ว่าทางประเทศธิเบต จะหาน้ำหรือฝังดินนี้ยาก เพราะว่าสภาพดินฟ้าอากาศไม่ค่อยเอื้ออำนวย แต่อีกอย่าง คนธิเบตยังถือว่า คนที่ตายได้สร้างบารมี บริจาคร่างกายของตนให้แก่แร้งกากิน


๔. ทำไมต้องใช้วิธีการย่อยสลายทางไฟ

เพราะนำสรีระร่างกายศพไปเผาจะง่าย โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ ประเทศไทย และต่างประเทศ จะนิยมกันมาก รวดเร็ว สะดวก ง่ายดี และปัจจุบันนี้พัฒนาไปมาก ถึงขนาดใช้เผาด้วยระบบไฟฟ้า สร้างจะก่อมลพิษน้อยมาก เพราะใช้ความร้อนสูง ควันต่ำ ไหม้อย่างรวดเร็ว


วิธีดับธาตุของคนตาย

เราจะสังเกตได้ว่า เวลาชีวิตดับหรือตายเราก็จะดับทีละธาตุ ธาตุแต่ละอย่างก็จะดับทีละธาตุ เสื่อมสลายไป จะดับไม่พร้อมกัน ก็จะดับไปทีละอย่างๆ ธาตุที่จะดับอันดับแรก คือ

๑. ธาตุดินดับ เป็นธาตุแข็งๆ ปากเริ่มจะแข็ง พูดไม่ได้
๒. ธาตุลมดับ ก็จะมีการขับเคลื่อนที่ช้าลง โลหิตก็จะขับเคลื่อนช้าลง เพราะว่าเส้นเลือดเริ่มแข็ง ลมก็จะเดินช้าลง
๓. ธาตุไฟดับ อุณหภูมิร่างกายก็จะลดไปเรื่อยๆ พอลดไปเรื่อยๆ สิ้นสุดก็คือลมปราณ
๔. ธาตุน้ำดับ ก็จะเน่าเพ่ะ ถ้าหากอยู่ใกล้ๆความร้อน เช่น ทะเลทรายก็จะแห้งไป แต่ถ้าอยู่ใกล้ที่มีน้ำ มีความชื่นสูง ก็จะกลายเป็นเน่าเฟะ เฉอะแฉะไป

ทางนามเริ่มจะดับ
๑. สัญญาเริ่มจะหาย ความจำสติสัมปชัญญะจะเริ่มถดถอย

๒. สังขาร การปรุงแต่งก็จะถอดถอย

๓. แล้วแต่บุญญาของบุคคลนั้น

เกี่ยวกับขันธ์ ๕ แล้วแต่บุญญาของเขาว่าตัวไหนจะถดถอยก่อนหลัง แล้วแต่เหตุปัจจัยของเขา ส่วนถ้าเป็นรูปของธาตุ ก็จะเป็นไปตามนี้

อย่างเช่น บางคนสมาธิดี ก็จะทำให้อีกตัวหนึ่งยังดีอยู่ บางคนสร้างกุศลบางสาย ตัวนั้นก็ยังดีอยู่ ตัวนั้นยังรักษาอยู่

จะเห็นได้ว่า ทำไมทุกอย่างหมดไปแต่เวลาคุยกับเขา เขายังหลั่งน้ำตาได้ ความทรงจำตรงนั้นยังอยู่ ทางจิตวิญญาณยังรับรู้อยู่ได้

สมมติว่าผมตายไป เขาเผาผม และจะมีจิตวิญญาณตัวหนึ่งเป็นตัวรู้ วิญญาณนี้ก็จะคืนสู่ธรรม อยู่กับธรรม พออยู่กับธรรม เราถึงเรียกว่าจิตวิญญาณ บางครั้งก็ต้องหาที่เกาะ ที่อยู่ที่อาศัย เช่นคนที่ตายแล้ว ก็ต้องมีสุสาน โกฐกระดูก ป้ายวิญญาณ มีที่ให้เกาะอยู่อาศัย วิญญาณนั้นก็อยู่กับธรรม แล้วแต่เหตุปัจจัยที่เขาสร้างบุญกุศลมาอย่างไร จะอยู่อย่างไร ก็จะเป็นที่อยู่ภพภูมิของเขา

วันหนึ่งเห็นคนขอทานเขาตายอยู่ที่นี่ เขาตายอยู่แถวนี้ จิตวิญญาณเขาก็จะอยู่แถวนี้ ยังคงอยู่ ถ้าหากว่ายังไม่สัปปายะพอเขาก็จะไม่สามารถเข้าสู่อีกมิติหนึ่งได้ เขาก็ยังไม่ไปไหน วันดีคืนดี คลื่นจิตของเราไปจูนหากันได้ก็จะพบเห็นเขา
ถ้าเราจะเอาผีมาเลี้ยง ก็จะเลี้ยงผีไม่ได้ ถ้าหากเราไม่มีเหตุปัจจัยที่เพียงพอ เราก็จะมาเอาผีขอทานตนนี้ไปเลี้ยงไม่ได้ เขามีเหตุเพียงพอที่จะอยู่ที่นี่

แต่ถ้าเป็นหมอผีขาดคุณธรรม ไปเอาผีขอทานตนนี้มาเลี้ยง สุดท้ายหมอผีก็จะถูกลงโทษได้โดยธรรม มีหมอผีนำเอาผีไปเลี้ยงเยอะแยะ แต่สุดท้ายก็ต้องได้รับการลงโทษอยู่ดี เพราะว่าจะทำโดยพลการไม่ได้เป็นไปตามธรรม เพราะว่าทางธรรมมีกฎมีเกณฑ์ เช่น กฎแห่งกรรม เป็นต้น

ถามว่า สมมติถ้าหากว่าผีขอทานตนนี้เขามีเหตุปัจจัย มีบุญวาสนา กับพระตนนี้ พระตนนี้เดินทางมาที่นี่ พระตนนี้ก็จะอ้างสิทธิ์ในกุศลตัวนี้ของเขา เพื่อนำวิญญาณของขอทานตนนี้เข้าสู่การบำเพ็ญ

เหมือนกับเราไปอ้างตรงนั้น อ้างเอากุศลของเขาหรือของลูกหลานที่จะทำกุศลส่งให้ อ้างเสร็จตรงนี้ไปบำเพ็ญกับพระโพธิสัตว์กวนอิม หรือพระโพธิสัตว์ตี่จั่งอ๊วง

สมมติว่าลูกของขอทานมารู้ว่าพ่อของเขามาตายที่ตรงนี้ ลูกมาขอให้อาจารย์มาช่วยเหลือหน่อย จะขอยังไงก็ได้ แต่ผู้ที่เป็นอาจารย์ก็ต้องดูว่ามีเหตุปัจจัย มีวาสนาเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่มีวาสนาเพียงพอก็ทำให้ไม่ได้

แม้ว่าลูกมาขอแต่เจ้าตัวขอทานไม่มีวาสนาเพียงพอยังไงก็ทำให้ไม่ได้

ถ้าหากว่าทำได้ อย่างนี้คนที่ติดคุกแล้วให้ลูกเมียเขาไปขอให้ออกจากคุก เขาก็ต้องปล่อยตัวออกจากคุกได้นะสิ อย่างนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะว่ายังต้องติดคุกตามกฎหมายของบ้านเมือง ที่ผีขอทานต้องอยู่ที่นี่เพราะว่าติดอาญาธรรม ก็ต้องมีกฎระเบียบของธรรม กฎหมายของธรรม กฎแห่งกรรม ได้รับการคุ้มครองโดยธรรมให้ติดอาญาอยู่ ใครจะมาช่วยไม่ได้ เพราะว่าติดที่กฎแห่งกรรม

ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย บุคคลหนึ่งมาขอก็ต้องขอได้ อย่างนี้ผิด

สมมติว่า เวลานี้เขาติดคุก แต่ต้องเสีย ๕๐,๐๐๐บาท แล้วจึงออกจากคุกได้ ถ้าหากว่าลูกนำเงินไปจ่ายห้าหมื่นบาท นักโทษของเขาก็ออกจากคุกได้ ต้องมีเหตุปัจจัย ฉันใด เหมือนกัน ถ้าขอทานเขาตายตรงนี้ เขาขาดกุศล ๓ ตัว ลูกหลานยอมทำกุศลให้ ทางธรรมก็ยอมให้

บางกรณี บางครั้งก็ได้แค่ลดหย่อนให้กับเขาได้ แต่ไม่สามารถหลุดได้

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์   




 7,144 

  ความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย