กรรมอดีตลบล้างไม่ได้แต่เคลียร์ แก้ไข บริหารได้
กรรมอดีตลบล้างไม่ได้แต่เคลียร์ แก้ไข บริหารได้
กรรมอดีตของเราเราไม่สามารถไปลบล้างได้ เพราะว่า เราได้ทำไปแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว เราจะไปลบล้างได้ยังไง? ในเมื่อเราทำมาแล้ว?
อดีตเราลบล้างกรรมไม่ได้ แต่เราแก้ไข เคลียร์ บริหารกรรมได้ เช่น เราติดเงินเขา ๕๐๐ บาท เงิน ๕๐๐ บาทนี้ลดไม่ได้ แต่เวลานี้เรามาทำดีต่อเขา เขาบอกว่าเขาไม่เอาเงินคืน ๕๐๐ บาทแล้วได้ แต่เราจะไปลดที่เราเคยยืมเงินเขา ๕๐๐ บาทนี้ไม่ได้ เราติดหนี้ก็คือติดหนี้เขา แล้วจะมาบอกว่า เราไม่ได้ติดหนี้เขาแล้ว อย่างนี้ไม่ได้
เหมือนกับบางคนบอกว่า สร้างโบสถ์ ๓ หลัง แล้วบอกว่า ต่อไปนี้เราไม่มีกรรมแล้ว อย่างนี้ไม่ได้
สมมติว่า เขาตีขาเรา เราให้อภัยเขาได้ไหม?
เราให้อภัยแก่เขา ยกโทษแก่เขา
แต่สิ่งที่เขาตีเรานั้น มันตีไปแล้ว ย้อนกลับไม่ได้ หรือบอกว่าไม่ได้ตี หรือบอกว่าตรงนี้ไม่เจ็บ
สิ่งนี้แหละ เราถูกเขาตีแล้ว เจ็บแล้ว เพียงแต่ว่า เราไม่เอาโทษแก่เขา เราไม่ถือสาแก่เขา
กรรมอดีตลดไม่ได้ ถ้าลดได้ ก็แสดงว่า เปลี่ยนแปลงอดีตได้ก็ไม่ต้องมาได้ชื่อว่าทำผิดนะสิ
กรรมอดีตเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่บริหารจัดการได้
คำว่า "กรรมอโหสิ" ย้อนกลับไป ๑๐ ชาติก็ยังได้เลย แต่กรรมนั้นยังอยู่ กรรมอดีตนั้นแก้ไขไม่ได้ เพราะว่า อโหสิ ไม่ได้ไปเกิดเวลานั้น ยังไม่ได้เป็นอดีต อโหสิ เพิ่งเกิดขึ้น สมมติว่า ตอนนี้เราสำนึกแล้วเราไปขออโหสิ นี่แหละ กำลังเพิ่งเกิดขึ้น เห็นหรือยัง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นในอดีต แต่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เวลานี้ เขาตีเรา เราเจ็บ มันเป็นอดีตไปแล้ว แต่ในอดีตเขาไม่ได้ขอโทษเรานี่ แต่เวลานี้เขาได้ฟังพระเทศน์ว่า การตีเขาเป็นสิ่งที่ผิด เขาสำนึกมาขอโทษ นี่แหละ อยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว
เจ้ากรรม ไม่มีอดีต ไม่มีเวลา เพราะว่าแรงกรรมยังอยู่ แต่เราจะมาแก้ไขว่าแรงกรรมอดีตตรงนั้นไม่มีไม่ได้ แต่ในธรรมเขามีช่องทางให้ คือ รู้จักบริหารกรรม ก็คือ เราทำดีต่อเจ้ากรรมแล้วเขาอโหสิแก่เรา
แรงกรรมหรือเจ้ากรรม ไม่มีกาลเวลา ไม่มีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีต่อไปเรื่อยๆ เป็นไปตามแรงกรรมเท่านั้นเอง
อดีตแก้ไม่ได้ แต่บริหารปัจจุบันได้
แล้วถามว่าในอดีตนั้น ไม่ใช่เจ้ากรรมเหรอ
ก็เป็นอดีต แต่เจ้ากรรม มันไม่มีเวลา ต่อเนื่องตลอด
ทั้งๆ เราทำร้ายเขามันเป็นอดีตผ่านมาแล้ว แต่เจ้ากรรมปัจจุบันก็คือ แรงกรรมเดียวกัน กรรมเดียวกัน เวลานี้เขาอาจจะเปลี่ยนชื่อไป แรงกรรมยังเหมือนเดิม อันเดียวกัน
นี่แหละ บางทีเป็นวิบาก ทำไมเราจึงติดหนี้เขา
ปัจจุบันคนที่เราทำร้ายเขา ชื่อว่า "ต้อย" แต่อดีตชาติเขาชื่อว่า "ต่าย" ก็ได้ แต่ก็คือคนเดียวกัน มันเป็นแรงโกรธ อาฆาต พยาบาท เดียวกัน สิ่งที่เป็นรูปธรรมก็แล้วแต่ เปลี่ยนชื่อ นามสมมติไปเรื่อยๆ แต่กรรมตัวเดียวกัน
มีคำถามว่า แรงกรรมนี้ สืบมาได้ยังไง?
ตอบว่า แล้วเวลานี้ เราเกิดมาได้ยังไง? เราไม่ใช่ว่ามีแรงกรรมเก่าเหรอ ถ้าเราไม่มีเหตุเกิด แล้วเราจะมาเกิดได้ยังไง ตกลงเราเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมหรือไม่
เรื่องแรงกรรมนี้ สมมติว่า เวลานี้เราติดหนี้เขา เขาชื่อ "ต่าย" แต่กาลอนาคต เขาตายไปแล้วเกิดมาใหม่ ชื่อว่า "ต้อย" ต้องมาชดใช้หนี้แก่เขา นี่แหละ แรงกรรมสืบมาเรื่อยๆ
นี่แหละ กรรมไม่มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต ฉะนั้น เราจะมาเคลียร์แรงปัจจุบันก็ได้ และจะไปเคลียร์แรงกรรมอนาคตก็ได้ แต่เราไปเปลี่ยนค่าแรงกรรมตรงนั้นไม่ได้ ค่าแรงกรรมนั้นตายตัว แต่มีวิธีหนึ่งที่จะทำให้แรงกรรมนั้นสลายได้ ในธรรมชาติเขาก็มีให้ คือ "อโหสิกรรม" กรรมที่ได้รับการอโหสิ
เราจะต้องหมั่นสร้างบุญกุศลให้เจ้ากรรมนั้นเห็นใจ ยอมแล้ว แรงกรรมนั้นก็อ่อนลง เพราะแรงกรรมนั้นมีแรง แต่ก็ต้องมาขึ้นอยู่กับ "วิบาก" ผลวิบากตรงนั้น กรรมตัวนี้ แรงตัวนี้ ไปทางวิบาก แต่ถ้าเกิดการอโหสิ ก็เบาลงทันที
จะบอกว่า เรื่องสิ่งที่ว่ามานี้งมงายหรือไม่งมงาย แต่สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นระบบของธรรมชาติ เป็นระบบพลัง
ถ้าเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หันมาละชั่วทำดีแล้ว เจ้ากรรมจะให้อภัยเรา ให้อโหสิแก่เราหรือไม่?
ไม่อโหสิแก่เรา ฉะนั้น เราจะต้องเจรจากับเจ้ากรรม เช่น บางคนบอกว่าสร้างโบสถ์ แต่ถ้าเราไม่ได้บอกว่าเราสำนึกผิดตรงนี้ แล้วเราจะไปทำตรงนี้ แก้ตรงนี้ได้ยังไง?
ยกตัวอย่างอีก ถ้าเขามาหยิกเราเจ็บ แล้วไม่ยอมรับว่าหยิกตรงนี้เจ็บ แล้วจะไปแก้ไขได้ไหมล่ะ? ก็ย่อมไม่ได้ พูดอย่างง่ายๆ เราจะต้องไปยอมรับผิด สำนึกผิด ถึงจะไปเปิดทะเบียนกรรมได้ เขาถึงจะแก้ถูกกรรม ถ้าไม่อย่างนั้น จะแก้ไม่ได้ แก้ไม่ถูก
สมมติว่า เวลานี้เราไม่รู้ว่าเราเป็นโรคอะไร แล้วบอกว่า มียา แล้วเราจะใช้ยารักษาโรคอะไร? เราเอาแต่ใช้ยาบำรุง อย่างนี้มันได้ที่ไหน เราจะต้องรักษาให้ถูกกับยารักษาโรคสิ เราจะใช้ยาถูกกับโรค เราจะต้องรู้ก่อนว่า เราเป็นโรคอะไร แล้วเรายอมรับว่าเป็นโรคนั้น ถ้าเราไม่ยอมรับว่าเป็นโรคนั้น แล้วเราจะยอมมาใช้ยานั้น ฉีดยานั้นได้ยังไง?
^_^ ..._/_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต