ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
ทรงปรารภมตกภัต ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ในเมืองพาราณสี สมัยพระเจ้าพรหมทัต มีพราหมณ์ทิศาปาโมกข์ผู้หนึ่ง
คิดจะทำมตกภัต (อุทิศคนตาย) จึงให้ลูกศิษย์จับแพะตัวหนึ่งไปอาบน้ำและประดับดอกไม้
แพะพอถูกลูกศิษย์จูงไปที่ท่าน้ำ ก็ทราบถึงวาระสุดท้ายชีวิตของตนมาถึงแล้วอันเนื่องจากกรรมเก่า
จึงเกิดความโสมนัส ได้หัวเราะออกมาเสียงดัง
และคิดเวทนาสงสารพราหมณ์ที่จะได้รับความทุกข์โศก
จึงร้องไห้ออกมา แพะแสดงอาการเดี๋ยวหัวเราะ
เดี๋ยวร้องไห้ออกมา ทำให้พวกลูกศิษย์แปลกใจ
เมื่อนำแพะกลับมาถึงสำนักแล้ว จึงบอกเรื่องนี้แก่พราหมณ์
พราหมณ์จึงถามแพะถึงอาการนั้น
แพะจึงบอกพราหมณ์ว่า
" อดีตชาติเคยเป็นพราหมณ์เหมือนกัน
เพราะได้ฆ่าแพะตัวหนึ่งทำมตกภัต จึงเป็นเหตุให้ถูกฆ่าตัดศีรษะถึง
๔๙๙ ชาติ นี่เป็นชาติที่ ๕๐๐ พอดี จึงหัวเราะดีใจที่จะสิ้นกรรมในวันนี้
และร้องไห้ เพราะสงสารท่านที่จะเป็นเช่นกับเรา
"
พราหมณ์
ได้ฟังแล้วเกิดความสลดใจ จึงยกเลิกไม่ฆ่าแพะ
และสั่งให้ลูกศิษย์ทำการอารักขาแพะเป็นอย่างดี
เพื่อไม่ให้แพะเกิดอันตราย แพะจึงบอกพราหมณ์ว่า
" การอารักขาของท่านมีประมาณน้อย
ส่วนบาปกรรมของเรามีกำลังมาก อะไรก็ห้ามไม่ได้
"
แพะพอเขาปล่อย ก็ชะเง้อคอจะกินใบไม้ใกล้แผ่นหินแห่งหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง ฟ้าได้ผ่าลงที่แผ่นหิน สะเก็ดหินชิ้นหนึ่งได้ปลิวไปตัดคอแพะที่กำลังชะเง้อคออยู่พอดี
แพะล้มลงสิ้นใจตายทันที
รุกขเทวดาที่อยู่ในที่นั้น
ได้กล่าวสอนว่า "
มนุษย์ผู้กลัวตกนรก พึงพากันงดจากปาณาติบาต
ตั้งอยู่ในเบญจศีลเถิด " และกล่าวเป็นคาถาว่า
"
ถ้าสัตว์ทั้งหลาย พึงรู้อย่างนี้ว่า ชาติภพนี้เป็นทุกข์
สัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์
เพราะว่าผู้ฆ่าสัตว์ ย่อมเศร้าโศก "
|