ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดนิโคธาราม เมืองกบิลพัสดุ์
ทรงปรารภการทะเลาะกันของพระประยูรญาติ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีฝูงนกกระจาบหลายพันตัวอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง
มีนายพรานคนหนึ่ง มีอาชีพจับนกกระจาบขายอยู่เป็นประจำ
วันหนึ่ง นกกระจาบจ่าฝูงได้แนะนำนกกระจาบทุกตัวว่า
"
ท่านทั้งหลาย เมื่อถูกตาข่ายนายพรานครอบแล้ว
ให้ท่านทุกตัวสอดหัวเข้าในตาข่ายตาหนึ่งๆ
แล้วพากันบินไปที่ต้นไม้มีหนาม ทิ้งตาข่ายไว้แล้วบินหนีไปนะ
" หมู่นกกระจาบพากันรับคำ ต่อมาอีกสองวัน
ฝูงนกกระจาบถูกตาข่ายนายพรานเข้าก็พากันทำเช่นนั้น
นกทุกตัวสามารถหนีรอดไปได้ กว่านายพรานจะปลดตาข่ายออกจากหนามก็ค่ำมืดพอดี
อยู่มาวันหนึ่ง
ขณะที่หากินอาหาร มีนกกระจาบตัวหนึ่ง บินลงพื้นที่หากินเหยียบถูก
หัวนกกระจาบอีกตัวหนึ่งเข้า ตัวถูกเหยียบหัวโกรธจึงเป็นเหตุให้ทะเลาะกันลามไปทั้งฝูงว่า
"
เห็นจะมีแต่ท่านเท่านั้นกระมัง ที่ยกตาข่ายขึ้นได้
ตัวอื่นไม่มีกำลังหรอกนะ "
ฝ่ายนกกระจาบจ่าฝูง
เห็นพวกนกมัวแต่ทะเลาะกัน ก็คิดว่า
"
ขึ้นชื่อว่า การทะเลาะกัน ย่อมไม่มีความปลอดภัย
ความพินาศจะเกิดขึ้น " จึงได้พาบริวารส่วนหนึ่งบินหนีไปอยู่ที่อื่น
ฝ่ายนายพราน พอผ่านไปสองสามวัน ก็มาดักตาข่ายอีก
พอฝูงนกกระจาบติดตาข่ายนายพรานในครั้งนี้อีก
ต่างทะเลาะกันเกี่ยงกันบินขึ้น จึงถูกนายพรานรวบไปเป็นอาหารและขายทั้งหมด
นายพรานจึงกล่าวเป็นคาถาว่า
"
นกกระจาบทั้งหลาย ร่าเริง บันเทิงใจ พาเอาข่ายไปได้
เมื่อใดพวกมันทะเลาะกัน
เมื่อนั้น พวกมันจักตกอยู่ในเงื้อมมือของเรา
"
|