ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี
ทรงปรารภภิกษุผู้ว่ายากรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ในเมืองพาราณสีมีพราหมณ์ผู้รู้มนต์คนหนึ่งชื่อเวทัพพะ
สามารถร่ายมนต์เรียกฝนเงินฝนทองให้ตกลงมาได้
พราหมณ์มีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง วันหนึ่งอาจารย์และลูกศิษย์ได้เดินทางไปทำธุระที่แคว้นเจตี
พอไปถึงป่าในระหว่างทางถูกโจรจับเรียกค่าไถ่
ทำเนียมของโจรพวกนี้คือเมื่อจับผู้คนได้แล้ว
ถ้าเป็นแม่กับลูกสาวจะปล่อยแม่ไป ถ้าเป็นพี่กับน้องจะปล่อยพี่ไป
ถ้าเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ จะปล่อยลูกศิษย์ไป
ลูกศิษย์ก่อนแต่จะออกเดินทางไป
ได้กระซิบเตือนอาจารย์ว่า "
อาจารย์ครับ ผมจะไปสักสองสามวันเท่านั้น อาจารย์อย่าได้หวั่นไปเลย
และวันนี้จะมีฤกษ์ดี ท่านอย่าได้ไร้ความอดทน
ร่ายมนต์ให้ฝนเงินฝนทองตกลงมาเป็นอันขาด เพราะพวกโจรจักฆ่าท่านเสีย
"
ฝ่ายพวกโจร
พออาทิตย์ตกดินก็จับมัดพราหมณ์ให้นอนอยู่
ขณะนั้น พระจันทร์เต็มดวงก็โผล่ขึ้น พราหมณ์
เห็นเช่นนั้นก็คิดได้ว่า "
ฤกษ์ที่จะทำให้ฝนเงินฝนทองตกลงมามีแล้ว เราจะมานอนทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้ทำไม
ร่ายมนต์เรียกฝนเงินฝนทองตกลงมามอบทรัพย์ให้โจรแล้ว
ให้พวกมันปล่อยเราไปจะดีกว่า "
จึงเรียกโจรมาบอกให้ปล่อยตนแล้ว นั่งประกอบพิธีร่ายมนต์แหงนดูดาวเรียกฝนเงินฝนทองให้ตกลงมา
พวกโจรพากันเก็บรวบรวมทรัพย์ใส่ห่อผ้าแบกหนีไป
ฝ่ายพราหมณ์ก็เดินตามไปข้างหลัง ขณะนั้น ได้มีโจรอีกกลุ่มหนึ่งพากันจับโจรพวกที่หนึ่งไว้
โจรกลุ่มที่หนึ่งจึงบอกให้จับพราหมณ์ที่เดินตามหลังมา
เพราะทรัพย์นี้พราหมณ์เป็นผู้เรียกมาให้ จะเอามากเท่าใดก็ได้
พวกโจรกลุ่มนั้นจึงปล่อยโจรกลุ่มที่หนึ่งไป
จับพราหมณ์แล้วบังคับให้เรียกฝนเงินฝนทองตกลงมาให้
พอได้ยินพราหมณ์ตอบว่าไม่สามารถเรียกฝนเงินฝนทองได้อีก
ปีหนึ่งสามารถเรียกได้ครั้งเดียวเท่านั้น
ต้องรอจนถึงปีหน้า ด้วยความโกรธหัวหน้าโจรจึงฟันพราหมณ์ตายคาที่
แล้วรีบติดตามโจรกลุ่มที่หนึ่งไป ทำการชิงทรัพย์และฆ่าโจรกลุ่มที่หนึ่งตายหมดสิ้น
ในระหว่างที่เก็บรวบรวมทรัพย์อยู่นั้นพวกโจรเกิดแตกคอกันเรื่องการแบ่งทรัพย์
จึงเกิดการต่อสู่กันเองจนในที่สุดเหลือโจรเพียง
๒ คนเท่านั้น
โจรทั้ง ๒
คน ได้นำเอาทรัพย์ไปซ่อนไว้ในป่าใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ด้วยความหิวจึงให้โจรคนหนึ่งนั่งเฝ้าทรัพย์ไว้
อีกคนเข้าไปหาอาหารในหมู่บ้าน
"
ธรรมดาความโลภเป็นต้นเหตุแห่งความพินาศ "
โจรที่นั่งเฝ้าทรัพย์ก็คิดด้วยความโลภว่า
" ถ้ามีมัน ก็ต้องแบ่งทรัพย์เป็นสองส่วน
พอมันมาถึง เราจะฆ่ามันด้วยการฟันครั้งเดียว
"
ฝ่ายโจรอีกคนก็คิดเช่นเดียวกัน
พอได้อาหารแล้วก็รีบกินเสียก่อน ส่วนที่เหลือก็ใส่ยาพิษไว้
ถือเดินไปหาโจรที่เฝ้าทรัพย์ พอก้มลงวางอาหารเท่านั้นก็ถูกฟันตายคาที่
โจรนั้นได้นำศพเพื่อนไปทิ้งแล้วกลับมากินอาหาร
ตนเองก็เสียชีวิตในที่นั้นนั่นเอง คนทั้งหมดได้ถึงความพินาศเพราะอาศัยทรัพย์นั้นด้วยประการฉะนี้
สองสามวันต่อมา
ลูกศิษย์ได้ถือเอาทรัพย์กลับมาแล้วไม่พบอาจารย์ในที่นั้น
เห็นแต่ทรัพย์กระจัดกระจายอยู่ จึงทราบเหตุการณ์
เดินผ่านไปเห็นอาจารย์นอนตายอยู่ และซากศพโจรอีกจำนวนหนึ่ง
จึงกล่าวเป็นคาถาว่า
"
ผู้ใด ปรารถนาประโยชน์ โดยอุบายอันไม่แยบยล
ผู้นั้น ย่อมเดือดร้อน
เหมือนโจรชาวแคว้นเจตะ
ฆ่าพราหมณ์เวทัพพะเสียแล้ว ก็พลอยถึงความ
พินาศทั้งหมด
"
|