ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ทรงปรารภหญิงชนบทคนหนึ่ง ...
เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่ง พวกโจรป่าได้ปล้นชาวบ้านแล้วนำทรัพย์สินหนีไป พวกทหารตามจับทั้งคืนจนรุ่งแจ้ง ในที่ไม่ไกลจากดงมีชายอยู่ ๓ คน กำลังไถนาอยู่ ทหารตามจับโจรมาถึงที่นั้น จึงจับชายทั้ง ๓ คนไปด้วยคิดว่า " พวกโจรปล้นแล้วมาทำทีเป็นไถนาอยู่ " นำไปถวายพระเจ้าโกศล
ลำดับนั้น มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง ร่ำไห้มาหาพระราชา ขอพระราชทานเครื่องนุ่งห่มแก่นาง เดินวนเวียนตามพระราชวังไปมา พระราชาจึงรับสั่งให้พระราชทานผ้าห่มแก่นาง ทหารได้นำผ้าห่มไปให้นาง นางกลับบอกว่านางไม่ต้องการผ้านี้ นางต้องการผ้าห่มคือสามี
พระราชาจึงรับสั่งให้นางเข้าเฝ้าแล้วตรัสถามถึงเรื่องนั้น
นางจึงกราบทูลว่า
" สามีชื่อว่าเป็นผ้าห่มของสตรีโดยแท้
เพราะเมื่อไม่มีสามี แม้สตรีจะนุ่งผ้าราคาเป็นแสน
ก็ยังชื่อว่าเป็นหญิงเปลือยอยู่นั้นเอง พระเจ้าค่ะ
"
บัณฑิตจึงกล่าวว่า
"
แม่น้ำที่ไม่มีน้ำชื่อว่าเปลือย แว่นแคว้นที่ปราศจากพระราชาชื่อว่าเปลือย
หญิงปราศจากผัวถึงจะมีพี่น้องตั้ง
๑๐ คน ก็ชื่อว่าเปลือย "
พระราชาทรงเลื่อมใสนาง
จึงตรัสถามว่า
"
ชาย ๓ คนนี้เป็นอะไรกับเจ้า "
นางกราบทูลว่า
"
คนหนึ่งเป็นสามี คนหนึ่งเป็นพี่ชาย และคนหนึ่งเป็นลูกชาย
พระเจ้าค่ะ "
พระราชาตรัสว่า
"
ในชาย ๓ คนนี้ ให้เจ้าเลือกเอาหนึ่งคน เจ้าจะเอาใคร
"
นางกราบทูลว่า
"
เมื่อหม่อมฉันยังมีชีวิตอยู่ สามีและบุตรต้องหาได้
แต่เพราะมารดาและบิดาของหม่อมฉันเสียชีวิตแล้ว
พี่ชายคนเดียวหาได้ยาก ขอพระองค์พระราชทานพี่ชายแก่หม่อมฉันเถิด
พระเจ้าค่ะ "
พระราชาทรงพอพระทัย มีความยินดียิ่ง จึงทรงปล่อยคนทั้ง ๓ ไป เพราะอาศัยหญิงนั้นคนเดียว