ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
ทรงปรารภพระติสสเถระ บุตรพ่อค้าเมืองสาวัตถี
ผู้เกียจคร้าน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ในเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาระ มีอาจารย์ทิศาปาโมกข์ท่านหนึ่ง
มีลูกศิษย์อยู่ประมาณ ๕๐๐ คน วันหนึ่งพวกลูกศิษย์พากันเข้าป่าไปหาฟืน
ในจำนวนนั้นมีมานพผู้เกียจคร้าน อยู่คนหนึ่ง
ถือโอกาสที่เพื่อนเขาหักฟืน ไปปูผ้านอนหลับใต้ต้นกุ่ม
พอเพื่อนเขามัดฟืนได้แล้ว
ก็หาบฟืนเดินผ่านไปใช้เท้าเตะปลุกเขาให้ตื่นขึ้น
เขารีบขยี่ตา ปีนขึ้นต้นกุ่มจับได้กิ่งไม้สดกิ่งหนึ่งก็เหนี่ยวลงมาหักเพราะนึกว่าเป็นกิ่งไม้แห้ง
กิ่งไม้สดนั้นก็ดีดตาข้างหนึ่งของเขาบอด เขารีบรวบรวมได้ฟืนหน่อยหนึ่งแล้วก็ตามเพื่อนกลับสำนัก
เย็นวันนั้น
ชาวบ้านนอกมาเชิญพราหมณ์ไปประกอบพิธีในวันพรุ่งนี้
ขอให้พราหมณ์รับประทานข้าวเช้าก่อนไปเพราะบ้านอยู่ไกล
อาจารย์จึงกำชับให้หญิงรับใช้ตื่นต้มข้าวต้มตั้งแต่เช้าตรู่
พอถึงเวลาใกล้รุ่งหญิงรับใช้ ไปนำฟืนไม้กุ่มสดที่มานพนั้นนำมาเป็นฟืนก่อไฟ
จนตะวันขึ้นไฟก็ไม่ติด ทำให้พวกมานพไม่ได้ทานข้าวต้ม
จึงไปเล่าเรื่องต่างๆให้อาจารย์ฟัง อาจารย์จึงกล่าวคาถาว่า
"
งานซึ่งควรทำก่อน เขาทำทีหลัง เขาจะเดือดร้อนในภายหลัง
เหมือนมานพหักไม้กุ่มเดือดร้อนอยู่
"
|