ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์
ทรงปรารภพระเทวทัต ผู้ไม่รู้คุณคน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาช้างขาวปลอดเชือกหนึ่ง
ชื่อ สีลวนาคราช เป็นสัตว์มีศีล เที่ยวหากินอยู่ที่ป่าหิมวันตะ
วันหนึ่งมีพรานป่า
ชาวเมืองพาราณสีผู้หนึ่ง พลัดหลงป่า กลัวตายจึงนั่งร้องไห้อยู่
พญาช้างได้ยินเสียงคนร้องไห้ จึงเข้าไปช่วยนำเขาขึ้นขี่คอไปยังที่อยู่ของตน
นำผลไม้มาเลี้ยง ให้เขาพักอยู่สองสามวัน จึงนำไปส่งปากทาง
ในขณะที่อยู่บนคอช้าง นายพรานคิดวางแผนร้าย
ได้กำหนดต้นไม้ไว้แล้ว พอถึงปากทางพญาช้างบอกให้นายพรานอย่าได้บอกเรื่องนี้แก่ใคร
วันนั้น นายพรานได้เดินทางไปที่ถนนช่างสลักงา
สอบถามถึงความต้องการงาช้าง เมื่อพวกนายช่างแจ้งให้ทราบว่า
งาช้างที่เป็นอยู่มีราคาแพงกว่างาช้างที่ตายแล้ว
ในวันรุ่งขึ้นนายพรานจึงถือเอาเลื่อยไปสู่ที่อยู่ของพญาช้าง
เพื่อของาช้างนำไปขายเลี้ยงชีพ พญาช้างก็มอบปลายงาทั้งคู่ให้ไปตามความประสงค์
พอหมดเงินเขาก็เดินทางไปของากับพญาช้างอีกเป็นครั้งที่
๒ พญาช้างก็ให้ส่วนกลางของงา จนถึงครั้งที่
๓ เหลือแต่โคนงา ก็ขอพญาช้างอีก พญาช้างก็มอบให้ด้วยความกรุณา
นายพรานได้ขึ้นเหยียบกระทืบปลายงาทั้งสอง
ฉีกเนื้อตรงสนับงาแล้วเอาเลื่อยตัดโคนงา สร้างความเจ็บปวดเวทนาแก่พญาช้างอย่างมาก
พอนายพรานเดินไปลับจักษุพญาช้างเท่านั้น แผ่นดินก็แยกออกสูบเขาจมธรณีตาย
ณ ที่นั้น
รุกขเทวดา
ผู้สิงสถิตอยู่ในป่านั้น ได้กล่าวคาถาว่า
"
คนอกตัญญูคอยจับผิดอยู่เป็นนิตย์
ถึงจะให้แผ่นดินทั้งหมด
ก็ทำให้เขาพึงพอใจไม่ได้ "
|