ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
ทรงปรารภถึงความพินาศใหญ่ที่กำลังจะเกิดแก่พระประยูรญาติของพระองค์
เพราะทะเลาะกันเรื่องน้ำ ขอให้สมานสามัคคีร่วมใจกัน
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ท้าวเวสวรรณมหาราชถึงคราวจุติ จึงส่งข่าวไปยังเทพยดาให้จับจองต้นไม้
กอไผ่ พุ่มไม้และเครือไม้ทำเป็นวิมานสถานที่อยู่
รุกขเทวดาตนหนึ่ง จึงประกาศในท่ามกลางหมู่ญาติ
ให้จับจองต้นไม้ทำเป็นวิมานสถานที่อยู่ อย่าไปอยู่บนเนิน
ให้อยู่รวมกันที่ป่ารัง พวกเทพยดาที่เป็นบัณฑิตต่างก็ทำตามคำสั่งของรุกขเทวดานั้น
ส่วนพวกเทพยดาผู้ไม่ใช่บัณฑิตไม่เชื่อคำ จึงพากันไปจับจองวิมานอยู่ตามประตูบ้าน
ประตูเมือง ถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ด้วยหวังในลาภยศอันเลิศ
ได้เลือกต้นไม้ใหญ่บนเนินเป็นวิมานที่อยู่อาศัย
อยู่มาวันหนึ่ง
เกิดลมพายุฝนห่าใหญ่ถอนรากโคนต้นไม้ใหญ่ล้มลงหมด
เหลือไว้แต่ป่ารังซึ่งอยู่ติดชิดกันหนาแน่น
พวกเทพยดาที่อยู่ต้นไม้ใหญ่ต่างจูงลูกไปหาพวกรุกขเทวดาที่ป่ารัง
ขออาศัยอยู่ด้วย รุกขเทวดาที่ป่ารังจึงกล่าวว่า
"
ชื่อว่า ผู้ไม่เชื่อถือคำของหมู่บัณฑิต แล้วพากันไปสู่สถานที่อันหาปัจจัยมิได้
ย่อมเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น "
แล้วกล่าวคาถาว่า
"
ญาติยิ่งมีมากยิ่งดี แม้ต้นไม้เกิดในป่า ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี
(เพราะ)
ต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่โดดเดี่ยว
ถึงจะใหญ่โต ลมย่อมพัดให้หักโค่นได้ "
|