
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นหนู มีตัวโตขนาดลูกหมู มีบริวาร ๕๐๐ ตัว อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ใกล้กับที่อยู่ของหนู คิดจะลวงกินหนู ในวันหนึ่ง มันจึงทำทียืนด้วยขาข้างเดียว อ้าปาก แหงนมอง จ้องดูดวงอาทิตย์อยู่
   หนูพระโพธิสัตว์ 
				  เห็นมันแล้วคิดว่า " หมาจิ้งจอกตัวนี้คงจะเป็นผู้ทรงศีล 
				  " จึงเดินเข้าไปใกล้ไต่ถามดูว่า "ท่านชื่ออะไร 
				  ? " หมาจิ้งจอกตอบว่า " 
				  เราชื่อธรรมิกะ (ผู้ทรงธรรม)"
				  หนู " ทำไมท่านยืนเท้าเดียว 
				  ไม่ยืนทั้ง ๔ เท้า ? "
				  หมาจิ้งจอก " 
				  ถ้าเรายืน ๔ เท้า แผ่นดินจะไหว จึงยืนเท้าเดียว 
				  "
				  หนู " ทำไมท่านยืนอ้าปาก 
				  ? "
				  หมาจิ้งจอก " 
				  เราไม่กินอย่างอื่น กินลมเป็นอาหาร"
				  หนู " ทำไมท่านจ้องดูดวงอาทิตย์ 
				  ? "
				  หมาจิ้งจอก " 
				  เรานอบน้อมพระอาทิตย์ "
หนูเชื่อว่าหมาจิ้งจอกว่าเป็นผู้ทรงศีล จึงพากันบำรุงมันอยู่ ฝ่ายหมาจิ้งจอกก็จับหนูตัวสุดท้ายกินเป็นอาหารทุกวัน กินเสร็จก็เช็ดปากยืนต่อ เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนหนูลดน้อยลง
   วันหนึ่ง 
				  หนูโพธิสัตว์คิดจะตรวจดูว่าหนูบริวารหายไปไหน 
				  จึงไปบำรุงหมาจิ้งจอกเป็นตัวสุดท้าย พอได้โอกาสหมาจิ้งจอกก็จับหนูโพธิสัตว์ไว้เพื่อจะกิน 
				  หนูรู้เรื่องราวทั้งปวง จึงกล่าวคาถาว่า
				     " 
				  ผู้ใด กล่าวเชิดชูธรรมให้เป็นธงชัย 
				       ล่อลวง ให้สัตว์ทั้งหลายตายใจแล้วซ่อนตนประพฤติชั่ว
				       ความประพฤติของผู้นั้น 
				  ชื่อว่า เป็นความประพฤติของแมว "
   หนูพูดพลางก็กระโดดเกาะคอหมาจิ้งจอกกัดที่ซอกคอมันตายทันที 
				  ฝูงหนูได้กลับมากัดกินหมาจิ้งจอกเป็นอาหาร 
				  และอยู่สุขสบายสืบมา
				
