ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน
เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้ชอบหลอกลวงรูปหนึ่ง
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าหิมพานต์เป็นเวลานานหลายปี มีคณะฤาษีเป็นบริวารหลายร้อยตน วันหนึ่ง ได้ลงจากเขา เข้าเมืองมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แถบชายแดน ชาวบ้านมีศรัทธาได้สร้างศาลาถวายหลังหนึ่ง ในเวลาที่คณะฤาษีไปภิกขาจาร จะมีลิงโทนตัวหนึ่งมาที่ศาลาของพวกฤาษีทำการเทน้ำทิ้ง ทุบหม้อ ทำลายสิ่งของและถ่ายอุจจาระไว้ที่เตาไฟเป็นประจำ เมื่อออกพรรษาแล้วคณะฤาษีจึงบอกลาชาวบ้านจะกลับเข้าป่าหิมพานต์เหมือนเดิม พวกชาวบ้านจึงนิมนต์ให้อยู่ต่ออีกหนึ่งวันเพื่อถวายอาหาร
ครั้งหนึ่งถึงเวลาเช้า ชาวบ้านก็นำข้าวปลาอาหารและผลไม้ไปที่อาศรมของฤาษี ลิงโทนตัวนั้นเห็นเช่นนั้นก็คิดจะลวงชาวบ้านเพื่อที่จะได้อาหารบ้าง จึงทำทีเป็นผู้ทรงศีล บำเพ็ญตบะ ยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่ในที่ไม่ไกลจากอาศรมฤาษีนั้น พวกชาวบ้านเห็นมันแล้วก็พูดสรรเสริญว่า
"ท่านทั้งหลายจงดู ลิงอยู่ใกล้ผู้ทรงศีลก็เป็นผู้ทรงศีลด้วย ตั้งมั่นอยู่ในศีล ยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่น่้าสรรเสริญจริง ๆ"
ฤาษีโพธิ์สัตว์เห็นพวกชาวบ้านสรรเสริญลิงนั้นจึงพูดขึ้นว่า
"พวกท่านไม่ทราบพฤติกรรมของมัน จึงเลื่อมใสในสิ่งไม่เป็นเรื่องเป็นราว"
แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
"ท่านทั้งหลายไม่รู้จักปกติของมัน
เพราะไม่รู้จักจึงพากันสรรเสริญ ลิงตัวนี้มันเผาโรงไฟ
และคนโทน้ำ ๒ ลูกก็ถูกมันทำลาย"
พวกชาวบ้านเมื่อทราบว่ามันเป็นลิงหลอกลวง
จึงขว้างก้อนหินและท่อนไม้ไล่มันหนีไป แล้วพากัน
ถวายอาหารแก่คณะฤาษี พอฉันเสร็จคณะฤาษีก็ออกเดินทางเข้าป่าหิมพานต์ปฏิบัติธรรมตามเดิม