ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภพระเจ้าโกศลผู้จะไปปราบกบฏชายแดน
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นอำมาตย์ผู้สอนธรรมของพระเจ้าพรหมทัต
ในเมืองพาราณสี ต่อมาในฤดูฝนมีกบฎเกิดขึ้นที่ชายแดน
พระราชาจะยกทัพไปปราบปรามจึงตั้งค่ายไว้ที่สวนหลวง
พระโพธิสัตว์ได้เข้าเฝ้าเพื่อคัดค้านแต่ยังหาโอกาสไม่ได้
ขณะนั้นพวกทหารได้นำถั่วดำอาหารม้า มาใส่ไว้ในราง
มีลิงตัวหนึ่งลงมาจากต้นไม้ฉวยเอาถั่วดำจากรางนั้นใส่จนเต็มปาก
แล้วยังคว้าติดมือมาอีกกำหนึ่งกระโดดขึ้นต้นไม้ไปหวังจะนั่งกิน
บังเอิญมีถั่วดำเม็ดหนึ่งหลุดจากมือมันล่วงลงบนพื้นดิน
มันได้ทิ้งถั่วดำทั้งหมดทั้งที่อยู่ในปากและที่มือ
ลงจากต้นไม้มาหาถั่วดำเม็ดนั้น เมื่อไม่เห็นก็กระโดดขึ้นต้นไม้นั่งซึมเศร้าเสียใจอยู่บนกิ่งไม้นั้น
พระราชาทอดพระเนตรเห็นพฤติกรรมของลิงทั้งหมดแล้วตรัสถามพระโพธิสัตว์ว่า
"ท่านอาจารย์
ดูซิ.. ลิงมันทำอะไร?"
พระโพธิสัตว์จึงกราบทูลว่า "ขอเดชะมหาราชเจ้า
ลิงโง่ตัวนี้หากินตามกิ่งไม้ ปัญญาของมันไม่มี
สาดถั่วดำทั้งหมดทิ้งเพื่อถั่วดำเม็ดเดียว
เปรียบผู้โง่เขลาไร้ปัญญา ไม่มองเห็นประโยชน์ส่วนมาก
มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนน้อยจึงเป็นเช่นนี้"
แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
"ข้าแต่พระราชา
พวกเราก็ดี ชนเหล่าอื่นก็ดีที่มีความโลภจัด
จะเสื่อมจากประโยชน์ส่วนมากเพราะประโยชน์ส่วนน้อย
เหมือนลิงเสื่อมจากถั่วทั้งหมดเพราะถั่วเมล็ดเดียวแท้ๆ"
พระราชาสดับถ้อยคำนั้นแล้วกลับได้สติจึงรับสั่งให้เลิกขบวนทัพเสด็จกลับเข้าเมืองพาราณสีไป
ฝ่ายพวกโจรเข้าใจว่าพระราชาเสด็จออกจากเมืองมาปราบปรามก็ได้พากกันหลบหนีไปเอง
|