ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
ทรงปรารภพระเทวทัตผู้เลียนแบบอย่างพระองค์แล้วถึงความพินาศ
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกหัวขวานชื่อขทิรวนิยะ
เที่ยวหากินอาหารอยู่ในป่าไม้ตะเคียนแห่งหนึ่ง
มีเพื่อนนกหัวขวานตัวหนึ่งชื่อกันทคลกะ เที่ยวหากินอาหารอยู่ในป่าไม้ทองหลางแห่งหนึ่ง
ในวันหนึ่ง
นกกันทคลกะมาหานกขทิรวนิยะที่ป่าไม้ตะเคียน
นกขทิรวนิยะดีใจที่เพื่อนมาเยี่ยมจึงพาเพื่อนไปที่ต้นตะเคียนต้นหนึ่ง
ใช้จะงอยปากเคาะต้นตะเคียนคาบตัวหนอนให้พื่อนกินอย่างอร่อย
หกกันทคลกะเห็นเพื่อนส่งอาหารมาให้กิน ก็คิดอยากจะลองหากินแบบเพื่อนดูบ้างจึงพูดขึ้นว่า
"สหาย
อย่าได้ลำบากเลย เราจะหากินในป่าตะเรียนด้วยตัวของเราเอง"
นกขทิรวนิยะพูดห้ามว่า
"สหาย ท่านเคยหากินอยู่แต่ในเขตป่าไม้ไม่มีแก่น
ไม้ตะเคียนเป็นไม้มีแก่น ท่านจะไหวหรือ ?"
นกกันทคลกะพูดว่า
"เราก็นกหัวขวานเหมือนกันกับท่านนี่"
ว่าแล้วก็ผลุนผันไปเอาจะงอยปากเคาะต้นตะเคียนต้นหนึ่งสุดแรงเกิด
ดัง "ป๊อก ๆ ๆ" ทันใดนั่นเองจะงอยปากของมันได้หักทันทีตาทะลักออก
หัวแตกตกจากต้นไม้ลงพื้นดิน นอนดิ้นไปมาได้ร้องถามก่อนสิ้นใจว่า
"สหาย
ต้นไม้ที่มีใบละเอียด มีหนามนี้เป็นต้นอะไร
เราเจาะเพียงครั้งเดียว ทำให้สมองไหลหัวแตกเสียแล้ว
นกขิทรวนิยะได้ร้องตอบเป็นคาถาว่า
"นกกันทคลกะ
เมื่อเจาะหมู่ไม้ในป่าได้เคยเที่ยวเจาะแต่ไม้แห้งที่ไม่มีแก่น
ภายหลังมาพบต้นตะเคียนซึ่งมีแก่นโดยธรรมชาติ
ได้ทำลายกระหม่อมที่ต้นตะเคียนนั้นแล้ว"
|