ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่วันเชตวัน
เมืองสาวัตถีทรงปรารภพระโกกาลิกะผู้เดือดร้อนเพราะปาก
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นอำมาตย์ผู้สอนธรรมแก่พระเจ้าพรหมทัตผู้ครองเมืองพาราณสี
โดยปกติพระราชาเป็นคนพูดมาก อำมาตย์พยายามหาอุบายกล่าวตักเตือนพระองค์อยู่แต่ก็ยังหาไม่ได้
สมัยนั้นที่สระแห่งหนึ่งในป่าหิมพานต์มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่
มันเป็นเพื่อนกันกับลูกหงส์ ๒ ตัว
วันหนึ่ง ลูกหงส์ได้มาเยี่ยมเต่าและชักชวนมันไปเที่ยวที่ถ้ำทองด้วย
โดยให้เต่าคาบไม้ตรงกลางแล้วหงส์จะคาบปลายทั้งสองข้างบินไป
ก่อนไปได้ตกลงกับเต่าว่า "สหาย ท่านต้องอดทนไม่พูดอะไรกับใครจนกว่าจะถึงถ้ำของเรานะ
มิเช่นนั้นท่านจะร่วงลงพื้นดินแน่ๆ จะหาว่าเราไม่เตือน"
เต่ารับคำอย่างมั่นเหมาะพอหงส์บินผ่านเมืองพาราณสี
เด้กชาวบ้านได้พากันชี้และตะโกนว่า "เฮ้
ๆ พวกเรามาดูหงส์หามเต่า เร็ว ๆ" เต่าได้ฟังเช่นนั้นโกรธจึงปล่อยไม่เอ่ยปากว่า
"เจ้าเด็กร้าย เราต่างหากหามหงส์ไป"
มันได้ร่วงตกลงไปตายที่ท้องพระลานหลวง
ขณะนั้นอำมาตย์กำลังเข้าเฝ้าพระราชาอยู่พอดี
พอมีเสียงคนว่า "มีเต่าตกจากอากาศมาตายตัวหนึ่ง"เท่านั้น
พร้อมด้วยพระราชาได้ไปที่นั้น พระราชาตรัสถามถึงสาเหตุที่เต่าตกลงมาตายอำมาตย์โพธิสัตว์ได้โอกาสจึงให้โอวาทพระราชาเป็นคาถาว่า
"เต่าพออ้าปากจะพูด ได้ฆ่าตนเองแล้วหนอ
เมื่อคาบท่อนไม้อยู่ดีแล้ว กลับฆ่าตนเองเสียด้วยคำพูดของตนเองนั่นแหละ
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐในหมู่วีรชน บุรุษผู้เป็นบัณฑิต
เห็นเหตุวันนี้แล้วควรพูดให้ดี ไม่ควรพูดให้เกินเวลา
ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรเต่าผู้ถึงความพินาศเพราะพูดมาก"
พระราชาทราบว่าอำมาตย์พูดถึงพระองค์จึงตรัสถามว่า
"ที่ท่านพูดหมายถึงเราใช่ไหม ?"
อำมาตย์โพธิสัตว์จึงกราบทูลว่า"มหาราชเจ้า..ไม่ว่าพระองค์หรือใครคนไหนๆ
เมื่อพูดเกินประมาณย่อมถึงความพินาศกันทั้งนั้น"
ตั้งแต่วันนั้นมา พระราชาได้ทรงตรัสแต่น้อยลง
|