ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี
ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันเพราะอำนาจกิเลสรูปหนึ่ง
ตรัสให้โอวาทว่า "
ภิกษุ ธรรมดากิเลสแม้สัตว์เดรัจฉานก็ติเตียน
เธอบวชในศาสนานี้แล้วเหตุไฉนจึงกระสันด้วยอำนาจกิเลสที่แม้สัตว์ก็ติเตียนเล่า
" แล้วได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นลิงอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
วันหนึ่ง ถูกพรานป่าจับได้แล้วนำไปถวายพระเจ้าเมืองพาราณสี
พระราชามิได้สั่งทำร้ายมันกลับสั่งให้เลี้ยงมันอย่างดี
ลิงนั้นอยู่ในพระราชวังหลายปีเห็นพฤติกรรมของมนุษย์มากมาย
กลายเป็นสัตว์เชื่องเรียบร้อยมิได้ดุร้าย
พระราชาทรงพอพระทัยและมีเมตตาต่อมันมากจึงโปรดให้นายพรานนำกลับไปปล่อยยังป่าหิมพานต์เหมือนเดิม
ฝูงลิงเมื่อทราบว่าลิงโพธิสัตว์กลับมาแล้ว
จึงประชุมกันที่ลานหินแห่งหนึ่งพร้อมกับต้อนรับและถามข่าวซักไซ้ไล่เลียงว่า
" เจ้าเพื่อนยาก ท่านหายไปไหนมาเป็นเวลานาน
" ลิงโพธิสัตว์ตอบว่า " เราไปอยู่ที่เมืองพาราณสีมานะสิ
" " แล้วท่านออกมาได้อย่างไรละ
" ฝูงลิงถามต่อ " พระราชาเลี้ยงเราไว้ดูเล่น
แล้วก็ปล่อยมานี่แหละ " มันตอบ
ฝูงลิงถามต่อว่า
" ท่านอยู่กับมนุษย์มานาน คงพอจะทราบพฤติกรรมหรือนิสัยของมนุษย์กระมัง
ลองเล่าสู่พวกเราฟังสิว่าเป็นอย่างไร "
ลิงโพธิสัตว์
" พวกท่านอย่าถามเลย เราไม่อยากจะเล่า
"
ฝูงลิง "
เล่ามาเถิด พวกเราอยากจะฟัง "
ลิงโพธิสัตว์ทนการอ้อนวอนไม่ไหวจึงพูดว่า
" ท่านทั้งหลายเอ๋ย ขึ้นชื่อว่ามนุษย์
จะเป็นกษัตริย์ เศรษฐีหรือยาจก ล้วนแต่พูดคำเดียวกันว่า
ของเรา ของเรา ไม่รู้ถึงความไม่เที่ยง ความไม่มีอยู่เลย
มีแต่คนพาลละเพื่อนเอ๋ย " ว่าแล้วก็กล่าวติเตียนมนุษย์เป็นคาถาว่า
"
มนุษย์ทั้งหลายผู้มีปัญญาเขลา ไม่เห็นอริยธรรม
พูดกันแต่ว่า
เงินของเรา ทองของเรา ทั้งคืนทั้งวัน
ในเรือนหลังหนึ่ง มีเจ้าเรือนอยู่ ๒ คน ใน
๒ คนนั้น คนหนึ่ง ไม่มีหนวด
นมยาน
เกล้าผมมวย และเจาะหู ถูกซื้อมาด้วยทรัพย์เป็นจำนวนมาก
ชายเจ้าของเรือนนั้น
พูดเสียดแทงคนนั้นตั้งแต่วันที่มาถึง "
พวกลิงได้ฟังลิงโพธิสัตว์กล่าวติเตียนชาวมนุษย์อย่างนี้ก็ทนฟังไม่ได้
พากันเอามือปิดหูแล้วพูดว่า " พอละ..พอละ..ท่านหยุดพูดได้แล้ว
พวกเราไม่อยากฟังสิ่งที่ไม่ควรจะฟัง "
ว่าแล้วก็พากันวิ่งหนีเข้าป่าไป
|