ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี
ทรงปรารภลูกสาวเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่งที่หอบผ้าหนีตามชายค่อมไป
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นเศรษฐี มีลูกสาวกำลังเป็นวัยรุ่นอยู่คนหนึ่ง
นางเห็นเครื่องสักการะที่เขาจัดทำให้โคอุสภราช(หัวหน้าโค)ในบ้านของตนแล้วถามพี่เลี้ยงว่า
"พี่..โคตัวนี้เป็นอะไร
เขาถึงประดับถึงเพียงนี้ "
พี่เลี้ยงตอบว่า
" นายหญิง..เขาเรียกโคอุสภราชจ้า"
นางคิดว่า
"โคที่ได้รับยกย่องว่าเป็นใหญ่ จะมีโหนกที่หลัง
ถ้าเช่นนั้นชายผู้เป็นใหญ่ ก็คงจะมีโหนกขึ้นกลางหลังเช่นกัน"
วันหนึ่งเมื่อเห็นชายหลังค่อมคนหนึ่งระหว่างทางจึงเข้าใจว่า
"ชายคนนี้เป็นบุรุษอุสภราช เราควรจะเป็นภรรยาของเขา"
จึงใช้พี่เลี้ยงไปบอกเขาให้ไปรออยู่ปากทางลูกสาวเศรษฐีจะไปด้วย
นางได้ห่อสิ่งของมีค่าหนีตามชายค่อมนั้นไป
เศรษฐีพอทราบว่าลูกสาวหนีตามชายค่อมไป
ก็ออกติดตามเพื่อนำกลับมาบ้าน ฝ่ายลูกสาวเศรษฐีกับชายค่อมเดินทางกันทั้งคืนไม่ได้พักผ่อน
ชายค่อมถูกความหนาวเหน็บตลอดคืนรุ่งแจ้งโรคเก่าได้กำเริบขึ้น
เดินต่อไปไม่ได้ จึงแวะลงข้างทางนอนขดตัวอยู่
เศรษฐีและคณะตามมาทันเห็นลูกสาวนั่งอยู่ข้างๆชายค่อมนั้น
จึงเข้าไปสนทนาด้วยและพูดว่า
"
ลูกรัก เรื่องนี้เจ้าคิดคนเดียวไม่ได้นะ ชายค่อมผู้โง่เขลานี้จะนำทางเป็นที่พึ่งของเจ้าไม่ได้แน่
ลูกรัก เจ้าไม่สมควรจะไปกับชายค่อมผู้นี้ดอกนะ"
ลูกสาวตอบเป็นคาถาว่า
"
ลูกเข้าใจว่าชายค่อมเป็นคนองอาจ จึงได้รักใคร่เขา
เขานอนตัวคดอยู่อย่างนี้
ดุจคันพิณที่สายขาด "
เศรษฐีได้นำลูกสาวกลับคืนบ้านของตน
และให้แต่งงานกับลูกชายเศรษฐีชาวเมืองในเวลาต่อมา
|