หน้าแรก นิทานชาดก สาลิเกทารชาดก
พญานกแขกเต้ายอดกตัญญู


          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภภิกษุผู้เลี้ยงโยมหญิงอุปัฏฐากรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านพราหมณ์ชื่อสาลินทิยะ ในเมืองราชคฤห์ โกลิยพราหมณ์มีไร่ข้าวสาลีประมาณ ๑,๐๐๐ ไร่ มอบให้ลูกจ้างกั้นรั้วดูแลรักษาอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ในที่ไม่ไกลจากไร่นั้น ภูเขาลูกหนึ่งไป มีป่างิ้วใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญานกแขกเต้ามีบริวารหลายร้อยตัวอาศัยอยู่ในป่างิ้วนั้น พญานกแขกเต้ามีพ่อแม่ที่แก่เฒ่าอยู่คู่หนึ่งเมื่อพาบริวารออกหากินอิ่มแล้ว ก็จะคาบอาหารกลับมาให้พ่อแม่กินด้วยเป็นประจำ

          อยู่มาวันหนึ่ง พวกนกแขกเต้าบอกว่า "ปีก่อนฤดูนี้ชาวบ้านจะปลูกข้าวสาลีไว้ที่ไร่ฝั่งโน้น ปีนี้จะยังทำอยู่หรือไม่หนอ" พญานกแขกเต้าจึงใช้ให้นกแขกเต้า ๒ ตัวไปสืบดูก่อน ไม่นานนักนก ๒ ตัวนั้นกลับมาพร้อมกับรวงข้าวสาลีพร้อมกับรายงานว่ามีข้าวสาลีอยู่เต็มไร่

          วันรุ่งขึ้น พญานกแขกเต้าจึงพาบริวารบินไปลงกินข้าวสาลีในไร่นั้น คนเฝ้าไร่พยายามวิ่งไล่นกให้หนีไปก็ทำไม่สำเร็จ พญานกแขกเต้ากินอิ่มแล้ว ก็คาบรวงข้าวสาลีไปด้วย ตั้งแต่วันนั้นมานกแขกเต้าก็พากันลงกินข้าวสาลีในไร่นั้นเป็นประจำ จนข้าวสาลีถูกทำลายไปเป็นไร่ คนเฝ้าไร่จึงนำเรื่องไปบอกโกลิยพราหมณ์ให้ทราบว่า "เจ้านาย..ผมไล่มันไม่ไหวแล้วละ ขอคืนไร่ให้ท่านจ้างคนอื่นไปดูแลแทน นกแขกเต้านับร้อยตัว มีนกแขกเต้าคอแดงเท้าแดงตัวหนึ่งนำมา เมื่อขากลับมันยังคาบข้าวสาลีไปอีกด้วย" "เจ้าสามารถจับมันเป็นๆ ได้ไหมล่ะ" เมื่อเขารับคำว่า "ได้ขอรับ" จึงบอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องออกละ ความเสียหายของข้าวสาลีข้าไม่ว่า ขอเพียงเจ้าจับมันมาให้ได้ก็แล้วกัน"

          คนเฝ้าไร่รับคำแล้วสบายใจที่เจ้านายไม่ด่าว่า จึงทำบ่วงดักไว้แต่เช้าตรู่แล้วเข้ากระท่อมแอบดูอยู่ ไม่นานพญานกแขกเต้าก็พาบริวารมาลงกินข้าวสาลีเช่นเคยและได้ติดบ่วงที่เขาดักไว้ตั้งแต่แรกลงแต่ก็ต้องอดทนไว้ไม่ร้องอะไรออกมาด้วยเกรงว่าบริวารจะแตกตื่นไม่ได้กินข้าว พอรู้ว่านกทุกตัวกินอิ่มแล้วจึงร้องขึ้น ๓ ครั้ง ฝูงนกได้แตกตื่นบินหนีขึ้นไป ทิ้งไว้แต่พญานกแขกเต้าตัวเดียว

          คนเฝ้าสวนพอได้ยินเสียงนกแขกแตกตื่นขึ้น ออกจากกระท่อมมาดูเห็นพญานกแขกเต้าติดบ่วงของตน ก็ดีใจจับมัดขาแล้วนำไปให้พราหมณ์ผู้เป็นเจ้าของไร่

          โกลิยพราหมณ์จับพญานกแขกเต้าด้วยสองมือวางไว้บนตักด้วยความเอ็นดูถามมันว่า "เจ้านกแขกเต้า ท้องของเจ้าคงจะใหญ่กว่านกตัวอื่นกระมัง เจ้าจึงคาบข้าวสาลีข้าไปมากมาย เจ้าทำฉางข้าวไว้ที่ป่างิ้ว หรือว่าเจ้ากับเรามีเวรแก่กัน"
          พญานกแขกเต้าพูดเป็นภาษามนุษย์ที่ไพเราะว่า "ข้าพเจ้ากับท่านไม่ได้มีเวรแก่กัน ฉางของข้าพเจ้าก็ไม่มี ข้าพเจ้านำข้าวสาลีไปเพื่อเปลื้องหนี้ีเก่า ให้เขากู้หนี้ใหม่ แล้วฝังขุมทรัพย์ไว้"
          พราหมณ์ "การเปลื้องหนี้เก่า กู้หนี้และวิธีฝังขุมทรัพย์ของท่านเป็นอย่างไร?"
          พญานกแขกเต้า "ข้าพเจ้านำข้าวสาลีไปมอบให้บิดามารดาผู้แก่เฒ่าเพื่อเปลื้องหนี้เก่าที่ท่านเลี้ยงข้าพเจ้ามา มอบข้าวสาลีให้ลูกน้อยเพื่อกู้หนี้เมื่อเขาเติบโตแล้วจะได้เลี้ยงข้าพเจ้าตอบ และให้แก่นกผู้พิการทุพพลภาพออกไปหากินไม่ได้ บุญที่ให้ข้าวสาลีแก่นกเหล่านั้น เป็นการฝังขุนทรัพย์ไว้"
          พราหมณ์พอฟังจบแล้วมีจิตเลื่อมใสยิ่งนักจึงพูดว่า "เจ้าดีจริง ๆ เป็นนกมีคุณธรรม ยอดกตัญญู มนุษย์บางคนยังไม่มีคุณธรรมเหมือนกับเจ้าเลย ข้าขอยกข้าวสาลีทั้งหมดให้เจ้าและพวกญาติได้กินเป็นอาหารอย่างเพียงพอเลยนะ" ว่าแล้วก็แก้เชือกที่ขาพญานกแขกเต้าทาน้ำมันให้แล้วนำข้าวคลุกน้ำผึ้งมาเลี้ยงพญานกนั้น

          พญานกแขกเต้าให้โอวาทพราหมณ์ว่า "พราหมณ์ ขอท่านจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด ให้ทานเลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่าเถิด" กล่าวจบก็คืนไร่ข้าสาลีแก่พราหมณ์ ขอรับไว้เพียง ๘ ไร่เท่านั้นแล้วบินกลับคืนป่างิ้วไป

          เมื่อกลับถึงป่างิ้วพญานกแขกเต้ารับวางรวงข้าวสาลีไว้ต่อหน้าบิดามารดาผู้ลุกขึ้นหัวเราะยินดีได้ทั้งน้ำตานองหน้า ฝูงนกแขกเต้าต่างเข้ามาแสดงความยินดีได้ทั้งน้ำตานองหน้า ฝูกนกแขกเต้าต่างเข้ามาแสดงความยินดีด้วยและถามเป็นเสียงเดียวกันว่า "ท่านรอดมาได้อย่างไร ? ขอรับนาย" พญานกแขกเต้าจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฝูกนกฟัง

          ฝ่ายโกลิยพราหมณ์ก็ตั้งอยู่ในโอวาทของพญานกแขกเต้าตั้งโรงบริจากทานแก่สมณพราหมณ์ผู้ทรงธรรมและผู้ยากจนทั่วไปประพฤติธรรมจนตราบสิ้นชีวิต

 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : บุตรธิดาควรเลี้ยงดูบิดามารดายามแก่ชรา เพื่อปลดเปลื้องหนี้ที่ตนเคยได้รับการเลี้ยงดูจากท่านในวัยเด็ก


[ เปิดอ่าน ครั้ง ]
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม (เสนาซุย)

Share |

  บอกบุญ ~ ประชาสัมพันธ์
• ✨ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณะห้องผู้มาปฏิบัติธรรม 12 ห้อง ✨
• (บุญด่วน!!ต้องการเจ้าภาพ..)กุลบุตร,ยากไร้ไม่มีเจ้าภาพ ๒ กองฯ...# ร่วมเป็นเจ้าภาพอุปสมบทบวชพระกัมมัฏฐาน ๒ รูป *ไม่ลาสิกขา*
• ร่วมทำบุญบูรณะซ่อมแซมพื้นรอบอุโบสถที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ณ วัดไทยลอสแอลเจลิส
• “ตักบาตรในสวน” วันจักรี (๖ เม.ย. ๒๕๖๗)
• ขอเชิญร่วมบุญบูรณะ วัดป่าปัญญโรจน์ (วัดร้าง) ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จังหวัดตาก

  สนทนาธรรม
• ขอเชิญชวนชาวพุทธร่วมเดินทางไปกราบสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล
• พระเจ้านั่งโก๋น เชียงใหม่
• บวชพระ ฟรี 2567 นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ไม่เสียค่าใช้จ่าย สายปฏิบัติ กรรมฐาน พระป่า สายหลวงปู่มั่น เน้นปฏิบัติภาวนา
• เปิดรับสมัคร บวชพระ ฟรี 2567 ไม่เสียค่าใช้จ่าย พระป่า พระกรรมฐาน วัดป่า ปฏิบัติธรรม สายหลวงปู่มั่น เน้นปฏิบัติภาวนา
• ประเพณีไทย และวัฒนธรรมไทย



หน้าแรก
ทีมงานธรรมะไทย
แผนผังเว็บไซต์
ค้นหาข้อมูล
ติดต่อธรรมะไทย
สมุดเยี่ยม
ธรรมะในสวน
เครือข่ายธรรมะ
ศูนย์รวมภาพ
สัญลักษณ์ไทย
สมาชิกธรรมะไทย
ในหลวงรัชกาลที่ ๙
กวีธรรมะ
บอร์ดบอกบุญ
สถานปฏิบัติธรรม
สนทนาธรรม
ข่าวธรรมะ
ธรรมะกับเยาวชน
ธรรมะจากหลวงพ่อ
บทความธรรมะ
กรรม
 ทาน
พระไตรปิฏก
เสียงธรรม
วีดีโอธรรมะ
เพลงธรรมะ
ธรรมปฏิบัติ
 คลังแสงแห่งธรรม
 คลังหนังสือธรรมะ
 หลักธรรมนำสุขในยุค๒๐๐๐
 กรรมฐานประจำวันเกิด
 ศีล
 สมาธิ
 วิปัสสนา
พระพุทธศาสนา
พจนานุกรมพุทธศาสน์
หัวข้อธรรม
บทสวดมนต์
มิลินทปัญหา
พระพุทธศาสนาในไทย
ทำเนียบวัดไทย
ศาสนพิธี
อุปสมบทพิธี
วันสำคัญทางศาสนา
การเผยแผ่ศาสนา
 งานปริวาสกรรมทั่วประเทศ
พระพุทธเจ้า
พระพุทธประวัติ
ประวัติพระพุทธสาวก
ทศชาติชาดก
นิทานชาดก
 พุทธวจนในธรรมบท
มงคล ๓๘ ประการ
พุทธศาสนสุภาษิต
นิทานธรรมะบันเทิง
สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล
พระพุทธรูปปางต่างๆ
พระพุทธรูปสำคัญ
จีรัง กรุ๊ป
เพจธรรมะไทย
© ธรรมะไทย