ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภพราหมณ์อุปสาฬกะ
ผู้เข้าใจว่ามีป่าช้าบริสุทธ์ เรื่องมีอยู่ว่า
พราหมณ์คนนี้มีทรัพย์สมบัติมากแต่เป็นคนเจ้าทิฏฐิ
ถึงบ้านจะอยู่ติดกับวัดเชตวัน แต่ก็ไม่เคยถวายอะไรแก่พระพุทธเจ้าเลย
เข้าทำนองใกล้เกลือกินด่าง เขามีลูกชายอยู่คนหนึ่งเป็นคนฉลาด
มีความรู้ดี พอพราหมณ์แก่ชราลง
วันหนึ่งจึงเรียกลูกชายมาหาแล้วพูดว่า
"ลูกรัก ถ้าพ่อตายแล้ว เจ้าอย่าเอาศพพ่อไปเผาในป่าช้าที่ปะปนกับคนอื่นนะ
ให้เอาศพพ่อไปเผาในป่าช้าใหม่ที่ไม่เคยเผาใครมาก่อนเลยนะ"
ลูกชายพูดว่า
"พ่อครับ ผมไม่รู้ว่าจะุถูกใจพ่อหรือเปล่า ทางที่ดีพ่อพาผมไปเลือกสถานที่ไว้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้จะดีกว่า"
วันนั้นพราหมณ์กับลูกชายจึงแสวงหาที่เผาศพ
ออกจากเมืองมุ่งตรงไปที่ยอดเขาคิชกูฏ เลือกได้ที่แห่งหนึ่งแล้วก็ลงจากยอดเขามา
ในเวลารุ่งอรุณของวันนั้นพระพุทธเจ้าทรงตรวจดูอุปนิสัยของสรรพสัตว์
ได้ทอดพระเนตรเห็นอุปนิสัยดสดาปัตติมรรคของพ่อลูกคู่นั้น
ดังนั้น พระองค์จึงเสด็จไปประทับนั่งรอสองพ่อลูกลงจากเขามา
พอพวกเขาเดินลงมาถึงที่ประทับจึงตรัสถามว่า "ไปไหนกันมาละท่านพราหมณ์"
ลูกชายจึงกราบทูลเนื้อความให้ทรงทราบ
พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ถ้าเช่นนั้น เราจะไปดูสถานที่ตรงนั้นด้วย"
ว่าแล้วก็พาสองพ่อลูกกลับขึ้นเขาไปดูสถานที่นั้นอีกครั้ง
พอขึ้นไปถึงที่นั้น ลูกชายจึงชี้ให้ดูและกราบทูลว่า "ตรงระหว่างภูเขาสามลูกนี่แหละพระเจ้าข้า"
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "พ่อหนุ่ม พ่อของเจ้ามิใช่จะเลือกป่าช้าเผาในบัดนี้เท่านั้น
แม้ในอดีตก็เคยมาแล้วและที่ตรงนี้ก็เคยเผาเขามาแล้ว ๑๔,๐๐๐
ชาติด้วย" จึงทรงนำอดีตนิทานมาสาธก และตรัสพระคาถาว่า
"พราหมณ์ชื่อว่าอุปสาฬกะ
ได้ถูกพวกญาติเผาในสถานที่นี้ จำนวน ๑๔,๐๐๐ ชาติแล้ว สถานที่ไม่เคยมีคนตายไม่มีในโลก
สัจจะ ธรรมะ อหิงสา สัญญมะ และทมะมีอยู่ในผู้ใด พระอริยะทั้งหลายย่อมคบหาผู้นั้น
(เพราะ) คุณธรรมชื่อว่าไม่ตายในโลก"
เมื่อตรัสพระธรรมเทศนาจบทำให้
๒ พ่อลูกได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ณ ที่ตรงนั้นเอง
|