" ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกปทุม "
[๑๐] พระสยัมภูชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตระ เป็นบุคคลผู้เลิศประทับอยู่บนยอด ภูเขาจิตกูฏข้างหน้าภูเขาหิมวันต์ เราเป็นพระยาเนื้อผู้ไม่มีความกลัว สามารถจะไปได้ในทิศทั้ง ๔ อยู่ ณ ที่นั้น สัตว์เป็นอันมากได้ฟังเสียงของเราแล้วย่อมครั้นคร้าม
เราคาบดอกปทุมที่บาน เข้าไปหาพระนราสภ ได้บูชาพระพุทธเจ้าซึ่งเสด็จออกจากสมาธิ เวลานั้น เรานมัสการพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสูงสุดกว่านระในสี่ทิศ ยังจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว ได้บันลือสีหนาท
พระปทุมุตรพุทธเจ้าผู้ทรงรู้แจ้งโลก ทรงรับเครื่องบูชาของเรา แล้วประทับนั่งบนอาสนะของพระองค์ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้
ทวยเทพทั้งปวงได้ทราบพระดำรัสของพระพุทธเจ้าแล้ว มาประชุมกันกล่าว กันว่า พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐจักเสด็จมาแล้ว เราทั้งหลายจักฟังธรรมนั้น
พระมหามุนีทรงเห็นกาลยาวผู้เป็นนายกของโลก ทรงประกาศเสียงของเรา ข้างหน้าของทวยเทพและมนุษย์ผู้ประกอบด้วยความร่าเริงเหล่านั้นว่า
ผู้ใดได้ถวายปทุมนี้ และได้บันลือสีหนาท เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว
ในกัลปที่ ๘ แต่ภัทรกัลปนี้ ผู้นั้นจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ จักเสวยความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ๖๔ ชาติ จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรงกำลัง มี พระนามชื่อว่าปทุม
ในแสนกัลป พระศาสดาพระนามว่าโคดมโดยพระโคตร ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก เมื่อพระศาสดาพระองค์นั้นทรงประกาศพระศาสนาแล้ว พระยาสีหะนี้จัก เป็นบุตรของพราหมณ์ จักออกจากสกุลพราหมณ์แล้วบวชในพระศาสนาของพระศาสดาพระองค์นั้น
เขามีตนส่งไปแล้วเพื่อความเพียร สงบระงับ ไม่มีอุปธิ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว จักไม่มีอาสวะนิพพาน ณ เสนาสนะอันสงัด ปราศจากชนเกลื่อนกล่นด้วยเนื้อร้าย คุณวิเศษเหล่านี้ คือ
ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล
.
ทราบว่า ท่านพระปิณโฑภารทวาชเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ปิณโฑภารทวาชเถราปทาน
เจริญในธรรมครับ.
# 1 / มหาราชันย์ / 8 มิ.ย. 2554 เวลา 15:14 น.
" ว่าด้วยผลแห่งการรักษาเบญจศีล "
[๒๖] เวลานั้น เราเป็นคนทำการรับจ้างอยู่ในนครจันทวดี เรามัวประกอบในการนำมาซึ่งการงานของผู้อื่น จึงไม่ได้บวช โลกทั้งหลายถูกความมืดใหญ่หลวงปิดบังแล้ว ย่อมถูกไฟ ๓ กองเผา เราควรจะประกอบด้วยอุบายอะไรหนอ ไทยธรรมของเราไม่มี และเราเป็นคนยากไร้ทำการรับจ้างอยู่
ผิฉะนั้น เราพึงรักษาเบญจศีลให้บริบูรณ์เถิด เราจึงเข้าไปหาพระภิกษุชื่อนิสภะ ผู้เป็นสาวกของพระมุนีพระนามว่าอโนมทัสสี แล้วได้รับสิกขาบท ๕
เวลานั้นเรามีอายุแสนปี เรารักษาเบญจศีลให้บริบูรณ์ ตลอดเวลาเท่านั้น
เมื่อเวลาใกล้ตายมาถึงเข้า ทวยเทพย่อมยังเราให้ชื่นชม เชื้อเชิญเรา ว่า ท่านผู้นิรทุกข์ รถอันเทียมด้วยม้าพันหนึ่งนี้ปรากฏแล้วเพื่อท่าน เมื่อจิตดวงหลังเป็นไป เราได้ระลึกถึงศีลของเรา ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราได้ไปสู่ภพดาวดึงส์ ได้เป็นจอมเทวดาเสวย
ราชสมบัติในเทวโลก ๓๐ ครั้ง แวดล้อมด้วยนางอัปสรทั้งหลาย เสวยสุขอันเป็นทิพย์อยู่
และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้
เราอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว เคลื่อนจากเทวโลก มาเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลอันมั่งคั่งในนครไพสาลี เมื่อศาสนาของพระชินเจ้ายังรุ่งเรืองอยู่ มารดาและบิดาของเราได้ รับสิกขาบท ๕
ในเวลาใกล้พรรษา เราฟังศีลอยู่พร้อมกับมารดาและบิดา จึงระลึกถึงศีลของเราได้
" เรานั่งอยู่บนอาสนะอันเดียว ได้บรรลุอรหัตแล้ว "
เราได้บรรลุอรหัตนับแต่เกิดได้ ๕ ปี พระพุทธเจ้าผู้มีจักษุทรงทราบคุณของเราแล้ว ได้ประทานอุปสมบทให้เรา เรารักษาสิกขาบท ๕ ให้บริบูรณ์แล้ว ไม่ได้ไปสู่วินิบาตเลย ตลอดกัลปหาประมาณมิได้แต่กัลปนี้
เรานั้นได้เสวยยศเพราะกำลังแห่งศีลเหล่านั้น เมื่อจะประกาศผลของศีลที่เราได้เสวยแล้ว โดยจะนำมาประกาศตลอดโกฏิกัลป ก็พึงประกาศได้เพียงเอกเทศ เรารักษาเบญจศีลแล้ว ย่อมได้เหตุ ๓ ประการ คือ
เราเป็นผู้มีอายุยืนนาน ๑
มีโภคสมบัติมาก ๑
มีปัญญาคมกล้า ๑
เมื่อเราประกาศผลของศีลทั้งปวงกะหมู่มนุษย์อันมีประมาณยิ่ง เราท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยใหญ่ ย่อมได้ฐานะเหล่านี้ พระสาวกของพระชินเจ้าทั้งหลาย ประพฤติอยู่ในศีลหา ประมาณมิได้ ถ้าจะพึงยินดีอยู่ในภพ จะพึงมีผลเช่นไร
เบญจศีลอันเรา ผู้เป็นคนรับจ้าง มีความเพียรประพฤติดีแล้ว เราพ้นจากเครื่องผูกทั้งปวงได้ในวันนี้ ด้วยศีลนั้น ในกัลปอันประมาณมิได้ แต่กัลปนี้ เรารักษาเบญจศีล แล้ว ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง (การรักษา) เบญจศีล
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และแม้อภิญญา ๖ เราพึงทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.
ทราบว่า ท่านพระเบญจศีลสมาทานิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ เบญจสีลสมาทานิยเถราปทาน.
เจริญในธรรม.
# 2 / มหาราชันย์ / 9 มิ.ย. 2554 เวลา 14:48 น.
" ว่าด้วยผลแห่งการรับสรณะ ๓ "
[๒๕] เราเป็นคนบำรุงมารดาบิดา อยู่ในนครจันทวดีเวลานั้น เราเลี้ยงดูมารดา บิดาของเราผู้ตาบอด เรานั่งอยู่ในที่ลับ คิดอย่างนี้ในเวลานั้นว่า
เราเลี้ยงดูมารดาบิดาอยู่ จึงไม่ได้บวช โลกทั้งหลายอันความมืดมนอนธการปิดแล้ว ย่อมถูกไฟ ๓ กองเผา เมื่อเราเกิดแล้วในภพเช่นนี้ ไม่มีใครจะเป็นผู้แนะนำ พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วในโลก บัดนี้ พระพุทธศาสนากำลังรุ่งเรือง สัตว์ผู้ใคร่บุญอาจรื้อถอนตนขึ้นได้
" เราจะรับสรณะ ๓ แล้วจะรักษาให้บริบูรณ์ "
ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราจะพ้นทุคติได้ เราได้เข้าไปหาท่านพระสมณะชื่อ
นิสภะ อัครสาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว รับสรณคมน์
ในครั้งนั้นเรามีอายุได้แสนปี ได้รักษาสรณคมน์ให้บริบูรณ์ ตลอดเวลาเท่านั้น เมื่อกาลที่สุดล่วงไป เราได้ระลึกถึงสรณคมน์ ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราได้ไปสู่ภพดาวดึงส์ เมื่อเรายังอยู่ในเทวโลก ประกอบแต่บุญกรรม เราอุบัติ ณ ประเทศใดๆ เราย่อมได้เหตุ ๘ ประการ คือ
ในประเทศนั้นๆ เราเป็นผู้อันเขาบูชาทุกทิศ ๑
เป็นผู้มีปัญญาคมกล้า ๑
เทวดาทั้งปวงย่อมประพฤติตามเรา ๑
เราย่อมได้โภคสมบัติไม่ขาดสาย ๑
เป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง ๑
เป็นผู้มีปฏิภาณในที่ทั้งปวง ๑
เป็นผู้ไม่หวั่นไหวต่อมิตร ๑
ยศของเราสูงสุด ๑
เราได้เป็นจอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ ๘๐ ครั้ง อันนางอัปสรแวดล้อมเสวยสุข อันเป็นทิพย์ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้
เมื่อถึงภพที่สุด เราประกอบด้วยบุญกรรม เกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลมั่งคั่งที่สุดในนครสาวัตถี เวลาเย็น (วันหนึ่ง) เราต้องการจะเล่น แวดล้อมด้วยพวกเด็ก ออกจากนครแล้ว เข้าไปสู่สังฆาราม ณ ที่นั้น เราได้เห็นพระสมณะผู้พ้นวิเศษแล้ว ไม่มีอุปธิ ท่านแสดงธรรมแก่เรา และได้ให้สรณะแก่เรา เรานั้นฟังสรณะแล้ว ระลึกถึงสรณะของเราได้
นั่งอยู่บนอาสนะอันหนึ่งได้บรรลุอรหัต
เราได้บรรลุอรหัตนับแต่เกิดได้เจ็ดปี
พระพุทธเจ้ามีพระจักษุ ทรงรู้คุณของเราแล้ว ทรงประทานอุปสมบท
ในกัลปอันประมาณมิได้แต่กัลปนี้ เราได้ถึงสรณะ กรรมที่เราทำดีแล้วเพียงนั้น ได้ให้ผลแก่เรา ณ ที่นี้ สรณะเรารักษาดีแล้ว ความปรารถนาแห่งใจเรานั้นตั้งไว้ดีแล้ว เราได้เสวยยศทุกอย่างแล้ว ได้บรรลุบทอันไม่หวั่นไหว ท่านเหล่าใดมีความต้องการฟัง ท่านเหล่านั้นจงฟังเรากล่าว เราจักบอกความแห่งบทที่เราเห็นเองแก่ท่านทั้งหลาย
พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้ว ในโลก ศาสนาของพระชินเจ้าเป็นไปอยู่ พระองค์ทรงตีกลองอมฤต อันเป็นเครื่องบรรเทาลูกศร คือความโศกได้ ท่านทั้งหลายพึงทำสักการะอันยิ่งในบุญเขตอันยอดเยี่ยม ตามกำลังของตน ท่านทั้งหลายจักพบนิพพาน
ท่านทั้งหลายจงรับไตรสรณคมน์ จงรักษาศีล ๕ ยังจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าแล้ว จักทำที่สุดทุกข์ได้ ท่านทั้งหลายจงยกเราเป็นตัวอย่าง รักษาศีลแล้ว แม้ทุกท่านก็จัก ได้บรรลุอรหัตโดยไม่นานเลย
เราเป็นผู้มีวิชชา ๓ บรรลุอิทธิวิธี ฉลาดในเจโตปริยญาณ ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า ข้าพระองค์เป็นสาวกของพระองค์ ขอถวายบังคม จรณะของพระศาสดา ในกัลปอันประมาณมิได้แต่กัลปนี้ เราได้นับถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลในการถึงสรณคมน์
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.
ทราบว่า ท่านพระตีสรณาคมนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ตีณิสรณาคมนิยเถราปทาน
เจริญในธรรม.
# 3 / มหาราชันย์ / 9 มิ.ย. 2554 เวลา 14:53 น.
" ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรมครั้งเดียว "
[๑๗] พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวงประกาศสัจจะ ๔ ทรงยังชนเป็นอันมากให้ข้ามพ้นดีแล้ว สมัยนั้น เราเป็นชฎิลมีตบะใหญ่ สลัดผ้าคากรองเปลือกไม้ เหาะไปในอัมพร ในกาลนั้น เราไม่สามารถจะเหาะไปได้เหนือพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เราเหาะไปไม่ได้ เหมือนนกเข้าไปใกล้ภูเขาแล้วไปไม่ได้ฉะนั้น เราบังหวนเป็นไอน้ำลอยอยู่ในอัมพรเช่นนี้ ด้วยคิดว่าเหตุเครื่องทำให้อิริยาบถกำเริบเช่นนี้ มิได้เคยมีแก่เรา เอาละเราจักค้นหาเหตุนั้น บางทีเราจักพึงได้ผล
เราลงจากอากาศ ก็ได้สดับพระสุรเสียงของพระศาสดา เมื่อพระศาสดาตรัสถึงว่าสังขาร
ไม่เที่ยง ด้วยพระสุรเสียงที่น่ายินดี น่าฟัง กลมกล่อม
ขณะนั้นเราได้เรียนเอา " อนิจจลักษณะ " นั่นแหละ
ครั้นเรียนอนิจจลักษณะได้แล้ว ก็ไปสู่อาศรมของตน เราอยู่ในอาศรมนั้นแหละ ตราบเท่าสิ้นอายุ ตายไปแล้ว เมื่อกาลที่สุดกำลังเป็นไป เราระลึกถึงการฟังพระสัทธรรม เพราะกรรมที่เราได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และ เพราะความตั้งเจตนาไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่ดาวดึงสพิภพ
รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๓ หมื่นกัป ได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๕๑ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๑ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้ เราเสวยบุญของตน ถึงความสุขในภพน้อยภพใหญ่ เราท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ ก็ยังระลึกได้ถึงสัญญานั้น
บทอันไม่เคลื่อน คือ นิพพาน เราหาได้แทงตลอดด้วยธรรมอันหนึ่งไม่ สมณะผู้มีอินทรีย์อันอบรมแล้ว นั่งในเรือนบิดา เมื่อจะแสดงธรรมกถา ท่านได้ยกอนิจจลักษณะขึ้นมาในธรรมกถานั้น พร้อมกับที่ได้ฟังคาถาว่า
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับเป็นความสุข ดังนี้
เราจึงนึกถึงสัญญาขึ้นได้ทุกอย่าง เรานั่ง ณ อาสนะเดียว บรรลุอรหัตแล้ว
เราได้บรรลุอรหัตโดยเกิดได้ ๗ ปี พระพุทธเจ้าทรงให้เราอุปสมบทแล้ว
นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม ในกัปที่แสน แต่กัปนี้ เราได้ฟังธรรมใด ในกาลนั้น ด้วยการฟังธรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลยนี้ก็เป็นผลแห่งการฟังธรรม เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และแม้อภิญญา ๖ เราพึงทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล. ...
ทราบว่า ท่านพระเอกธัมมสวนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ เอกธัมมสวนิยเถราปทาน.
เจริญในธรรมครับ.
# 4 / มหาราชันย์ / 9 มิ.ย. 2554 เวลา 16:15 น.
อาจารย์พิมพ์เก่งจัง ข้าน้อยกว่าจะจิ้มได้ แต่ละบรรทัด ก็ใช้เวลานานโข...
ให้ความรู้ดีค่ะ ...อาจารย์ แต่ศัพท์ที่ไม่รู้...ก็มีมาก
ขอบคุณมากค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญที่ได้ไปปฏิบัติธรรมจ๊ะ...ช่วงปลายเดือน ลูกคนโต ไปทำกิจกรรมที่พัทยา เสาร์25-27 ต้องเฝ้าลูกคนเล็กจ๊ะ.....เดี๋ยวหาย
คนมีกรรม(มาก)นำหนุน ผู้หนึ่ง
# 5 / เกลียวคลื่น / 21 มิ.ย. 2554 เวลา 15:46 น.
ประโยคที่ว่า " เราได้บรรลุ อรหัตโดยเกิดได้7 ปี พระพุทธเจ้าทรงให้เราอุปสมบทแล้ว" หมายถึง บรรลุก่อนหรือหลังบวชคะ ช่วยขยายความหน่อย...
# 6 / เกลียวคลื่น / 1 ก.ค. 2554 เวลา 16:48 น.