ความเป็นมา งานบุญกฐิน

 อธิวัฒน์   16 ต.ค. 2554

มรดกไทยประเพณีมีคุณค่า พัฒนาจิตใจให้ใหญ่สูง
คอยเกื้อหนุนคุณธรรมนำชักจูง ช่วยพยูงความยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน
วัฒนธรรมฮีตคองของอีสาน ประเพณีตามกาลงานกฐิน
ปฏิบัติสืบเนื่องมาเป็นอาจิณ ชั่วชีวินหลายชั่วอายุคน
ทำตามกาลเวลาพาจำกัด ให้รู้ชัดในหนึ่งปีมีหนึ่งหน
หลังพรรษาหนึ่งเดือนผ่านกาลเวียนวน มหากุศลยิ่งใหญ่ในหนึ่งปี
มีมูลเหตุภิกษุเมืองปาฐา ชวนกันมาเข้าเฝ้าพระชินสีห์
เดินทางฝ่าทนแดดฝนจนชีวี กว่าถึงที่จีวรเปียกเปื้อนโคลนตม
พระพุทธองค์ทรงเห็นใจในความยาก ทนลำบากตรากตรำเฝ้าสั่งสม
อนุญาตผ้ากฐินอันอุดม หานุ่งห่มเปลี่ยนผืนใหม่ใจสบาย
วิสาขาอุบาสิกาพอทราบเรื่อง จิตปราดเปรื่องถวายผ้าอย่างมั่นหมาย
ตั้งศรัทธากุศลใหญ่ไม่เสื่อมคลาย ดำรงหมายพุทธศาสตร์ชาติก้าวไกล
เริ่มต้นกาลถวายทานผ้ากฐิน จนอาจิณเรื่อยมาพาขานไข
ประเพณีที่สำคัญของชาวไทย ดำรงมั่นสืบไปในทุกกาล
สังฆกรรมสำคัญของพระสงฆ์ ผู้ดำรงธรรมวินัยได้สืบสาน
สาธุชนชาวพุทธเราทุกวงวาน เหล่าลูกหลานให้สานต่อมรดกไทยฯ
   





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง





๐ ขอร่วมบุญ สืบต่อ ท่านอธิวัฒน์
เพื่อขจัด ความไม่รู้ สู่พ้นเขลา
กรานกฐิน พิธีสงฆ์ คงนานเนา
เพื่อให้เข้า ใจกระจ่าง สว่างนัย

๐ ขออัญเชิญ จากพระไตรฯ ให้สดับ
เพื่อร้อยรับ ความเป็นมา ที่กล่าวไว้
กรานกฐิน นั้นทำ กันอย่างไร
หายสงสัย กระจ่างไซร้ โปรดจงฟังฯ




สงฆ์พึงให้ผ้ากฐินแก่ภิกษุผู้กรานกฐินด้วยญัตติทุติยกรรม.

ภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงซักขยำให้สะอาดแล้ว กะ ตัด เย็บ ย้อม ทำพินทุกัปปะ
แล้วกรานกฐินในวันนั้นเทียว ถ้าประสงค์จะกรานกฐินด้วยผ้าสังฆาฏิ
พึงถอนผ้าสังฆาฏิผืนเก่าเสีย พึงอธิษฐานผ้าสังฆาฏิผืนใหม่ เปล่งวาจาว่า
ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยผ้าสังฆาฏิผืนนี้,

ถ้าประสงค์จะกรานกฐินด้วยผ้าอุตราสงค์ พึงถอนผ้าอุตราสงค์ผืนเก่าเสีย
พึงอธิษฐานผ้าอุตราสงค์ผืนใหม่ เปล่งวาจาว่า
ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยผ้าอุตราสงค์ผืนนี้,

ถ้าประสงค์จะกรานกฐินด้วยผ้าอันตรวาสก
พึงถอนผ้าอันตรวาสกผืนเก่าเสีย
พึงอธิษฐานผ้าอันตรวาสกผืนใหม่ เปล่งวาจาว่า
ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยผ้าอันตรวาสกผืนนี้.

อันภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
ประคองอัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม
ขอท่านทั้งหลายอนุโมทนาเถิด.

ภิกษุผู้อนุโมทนาเหล่านั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
ประคองอัญชลี กล่าวอย่างนี้ว่า
ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว
การกรานกฐินเป็นธรรม เราทั้งหลายอนุโมทนา.


ภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงเข้าไปหาภิกษุหลายรูป
ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม
ขอท่านทั้งหลายอนุโมทนาเถิด.

ภิกษุผู้อนุโมทนาเหล่านั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
ประคองอัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า
ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว
การกรานกฐินเป็นธรรม เราทั้งหลายอนุโมทนา.


ภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่ง
ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า
ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม
ขอท่านอนุโมทนาเถิด.

ภิกษุผู้อนุโมทนานั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
ประคองอัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า
ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว
การกรานกฐินเป็นธรรม ข้าพเจ้าอนุโมทนา.

**********************************
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร


เจริญในธรรม เจ้าค่ะ





RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย