รัชสมัยรัชกาลที่ 1 - แรกสถาปนาพระอาราม
วัดเทวราชกุญชร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎร์สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านเรียกว่า วัดสมอแครง เล่ากันว่าเพราะมีต้นสมอร่องแร่งมาก บ้างก็สันนิษฐานว่า สมอ เพี้ยนมาจากคำว่า ถมอ (ถะมอ) เป็นภาษาเขมรแปลว่า หิน วัดนี้คงเรียกกันครั้งแรกว่า ถมอแครง ซึ่งแปลว่า หินแกร่ง
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ 1 ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ต่อมา สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระโอรสของสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีของรัชกาลที่ 1 (ต้นสกุลมนตรีกุล) ทรงบูรณะต่อ โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษเทเวศร์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 (ต้นราชสกุลกุญชร) ทรงอุปถัมภ์ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ์ พระโอรสทรงอุปถัมภ์ต่อ หลังจากนั้นเจ้านายผู้สืบสกุลกุญชรให้ความอุปถัมภ์โดยลำดับ
รัชสมัยรัชกาลที่ 4 - พระราชทานนามพระอาราม "วัดเทวราชกุญชร"
ครั้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสถาปนาเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามว่า วัดเทวราชกุญชร โดยคำว่า เทวราช แปลว่า พระอินทร์ มานำหน้าพระนามของพระองค์เจ้ากุญชร ซึ่งแปลว่า ช้าง รวมความแล้วแปลว่า ช้างพระอินทร์ ปัจจุบันกรมศิลปากรจดทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญ
รัชสมัยรัชกาลที่ 9 - พระราชทานนาม "พระพุทธเทวราชปฏิมากร"
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานนามพระประธานประจำพระอุโบสถว่า พระพุทธเทวราชปฏิมากร เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ จำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2546
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรเมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธียกฉัตรถวายพระพุทธเทวราชปฏิมากร เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรเมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมสายสังวาลถวายพระพุทธเทวราชปฏิมากร พระราชทานเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 และอัญเชิญสายสังวาลคล้องถวายพระพุทธเทวราชปฏิมากร เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
พ.ศ. 2555 - สืบสานพระราชปณิธานการบูรณปฏิสังขรณ์
พ.ศ. 2555 คณะกรรมการอนุรักษ์และทำนุบำรุงศาสนสถานอันเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และการส่งเสริมการเผยแผ่ศาสนา สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เห็นชอบให้การสนับสนุนและดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อปลายปี พ.ศ. 2556 พระอุโบสถจึงหวนคืนสู่ความสง่างามเคียงคู่พระอารามแห่งนี้
พระอุโบสถ
สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ มีขนาดกว้าง 17 เมตร ยาว 36 เมตร มีเขตพัทธสีมา กว้าง 24 เมตร ยาว 43.50 เมตร เป็นอาคารแบบประเพณีนิยม ก่ออิฐถือปูน ลักษณะพระอุโบสถมีขนาดสูงใหญ่ มีเสาพาไลรองรับ ชายคาเสาเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ไขราเป็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันเป็นงานไม้ประดับกระจกสีลายดอกพุดตาน ซุ้มประตูและหน้าต่างตกแต่งด้วยงานปูนเป็นซุ้มเรือนแก้ว หลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มีกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ ที่มุมกำแพงแก้วมีเจดีย์ทั้งสี่มุม
พระประธานในพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปโลหะหล่อลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ฝีมือช่างสมัยทวารวดี ประดิษฐานบนฐานชุกชีขนาดหน้าตักกว้าง 4.35 เมตร สูงตั้งแต่พระเพลาถึงยอดเปลวรัศมี 5.65 เมตร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานนามว่า "พระพุทธเทวราชปฏิมากร"
ศาลาราย
ศาลารายสุชาดา ตั้งอยู่ด้านซ้ายพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ใช้เป็นสถานที่สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม สำหรับพระภิกษุสามเณร และพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
พระวิหาร
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ทำด้วยทองเหลืองลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตัก 19 นิ้ว สูง 43 นิ้ว จำนวน 9 องค์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรเมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระราชทานแก่วัดเทวราชกุญชร
มณฑปจัตุรมุข
สร้างครอบพระอุโบสถเก่าเมื่อปี พ.ศ. 2536 มีขนาดกว้าง 12.40 เมตรยาว 12.40 เมตร ภายในประดิษฐาน หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มณฑปจัตุรมุขนี้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพุทธศิลป์ เช่น พระพุทธรูปเก่าโบราณ พระพุทธบาทเก่าศักดิ์สิทธิ์สมัยกรุงศรีอยธุยา
เปิดเวลา 9.00 - 17.00 น.
หอพระรัตนตรัย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร
พิพิธภัณฑ์สักทอง
อาคารพิพิธภัณฑ์สักทอง ลักษณะทรงปั้นหยาประยุกต์ 2 ชั้น กว้าง 16.75 เมตร ยาว 30.15 เมตร ใช้เสาไม้สักทองทั้งหลัง ขนาดเสา 2 คนโอบ มีอายุประมาณ 479 ปี ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา อนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติในด้านสถาปัตยกรรมและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 75 พรรษา พ.ศ. 2550 ภายในจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งเท่าพระองค์จริงของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 19 พระองค์ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา
เปิดเวลา 10.00 - 17.00 น.
อาคารอเนกประสงค์เฉลิมพระเกียรติ มวก. เป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2555
อาคารเทวราชธรรมศาลา เป็นอาคารทรงไทยตรีมุข 2 ชั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรเมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพุทธรัตนโกสินทร์มหาวชิราลงกรณ ขนาดหน้าตัก 19 นิ้ว มาประดิษฐานประจำพระแท่นบุษบกภายในอาคารหลังนี้
อาคารเทวราชธรรมสถิต เป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์ 3 ชั้น ขนาดกว้าง 9.50 เมตร ยาว 16 เมตร สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พ.ศ. 2554 และเป็นอาคารสำหรับพระภิกษุสามเณร และพุทธศาสนิกชนใช้ในการประกอบศาสนกิจและศึกษาเล่าเรียน
อาคารเทวราชกุญชร เป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์ 2 ชั้น มีอายุกว่า 100 ปี ปัจจุบันเป็นอาคารอนุรักษ์
ศาลาท่าน้ำ สำหรับปล่อยปลา เลี้ยงปลา สร้างทานบารมี
บรรยากาศวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
เลขที่ 167 ถนนประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 |
โทร. 02 282 4453 |
พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร |
สังกัดคณะสงฆ์ : มหานิกาย |
FB วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร |
เว็บไซต์ วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร |
|