เรื่องมีอยู่ว่า แฟนของดิฉันเพิ่งจะมาสารภาพกับดิฉันว่า เขากลับไปหาแฟนเก่าเนื่องจาก ตอนที่แฟนเก่าเขาหายไปนั้น เนื่องจากผู้หญิงคนนี้ป่วยหมอบอกว่าหมดทางรักษาแล้ว ผู้หญิงคนนี้เลยจากแฟนของดิฉันมา ต่อมาเพื่อนเขาโทรมาบอกแฟนดิฉัน แล้วเมื่อแฟนดิฉันโทรกลับไปหาแล้วบอกว่ากำลังคบกับดิฉันอยู่ผู้หญิงคนนี้ถึงกับเลือดออกปากออกจมูก ต่อมาเมื่อดิฉันไปหาเขาที่ทำงานและผู้หญิงคนนี้รู้เข้าเธอถึงกับล้มลง ดิฉันจึงถามเขาว่าที่พูดแบบนี้จะเลิกกับดิฉันเหรอ เขาบอกว่าก็ไม่อยากเลิกแต่ก็ไม่อยากจะปิดบังไม่อยากโกหกดิฉัน ดิฉันจึงถามเขาว่าแล้วรักดิฉันมั้ย เขาก็บอกว่ารัก ดิฉันคืออนาคตคือคนที่เขาอยากใช้ชีวิตร่วมด้วย แล้วถามว่าแล้วถ้าเลิกกับดิฉันล่ะ เขาก็บอกว่าอนาคตเขาก็หมด แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นตายไปเพราะเขา เขาก็ไม่สามารถไปคบกับผู้หญิงคนไหนได้อีก ดิฉันจึงถามเขาว่าแล้วถ้าดิฉันตายไปล่ะ เขาก็บอกว่าเขาก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ดิฉันจึงบอกว่าในเมื่อเราทั้งสองคนต่างเป็นอนาคตของกันและกันยังไงดิฉันก็ไม่ยอมเลิก ดิฉันจึงบอกว่า ดิฉันยอมที่จะให้เขากับไปคุยกับแฟนเก่าเขา โดยที่ไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าคบกับดิฉันอยู่ ดิฉันไม่รู้ว่าดิฉันทำถูกหรือไม่ เนื่องจากดิฉันขาดเขาก็ไม่ได้ อยู่แบบนี้ก็ทรมาน แล้วจริงๆ แล้วดิฉันควรทำยังไง
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคับ
ลองพิจารณาความรักที่มันละเอียดขึ้นดีไหมครับ
สำหรับความรักที่ต้องการจะครอบครองแต่อย่างเดียวนั้น
ถ้าเราตั้งเป้าว่าจะต้องได้อย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ เราจะผิดหวังตลอด
ถ้ายิ่งหวังมากๆ แล้วไม่ได้อย่างนั้น มันจะยิ่งเสียใจมาก
ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้ว เราบังคับจิตใจของเราเองให้มันไม่เสียใจยังไม่ได้เลย
เราจะไปบังคับใจคนอื่นให้ได้อย่างใจเรา มันก้ยิ่งยากเย็นขึ้นไปอีก
ลองรักแบบนี้ดูนะครับ
1. รักด้วยความมตตา - คือความไม่โกรธ รักใคร่ปารถนาดี อยากจะให้เขามีความสุข
เรารักเขา เราก้อยากจะให้เขามีความสุข โดยเฉพาะคนที่รอบตัวเรา
ถ้าเมตตาละเอียดขึ้นไปอีกก็เมตาแฟนเก่าด้วย เมตตาโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
สงสารเขาว่าเราล้วนต้องมาทนทุกข์ด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราสามารถไม่โกรธไม่แค้นไม่ริษยาโดยไม่เลือกได้ก็นับว่าประเสริฐมาก
เมตตาให้มาก
2. กรุณา การช่วยเหลือผุ้ที่ได้รับความลำบากอยู่ ให้พ้นจากความลำบากนั้นเสีย
เวลาเราเลี้ยงนกเลี้ยงสัตว์นั้น เรารักมันมาก
แต่เพราะรักมัน เราเลยต้องครอบครองมันไว้ ขังมันไว้
แต่ถ้าเรารักได้ละเอียดขึ้นไปอีก ลองรักเขาด้วยการมอบอิสระภาพให้เขาดีกว่า
สละกรงของเราทิ้งไป ปล่อยนกบินไปเสียดีกว่า
เดี๋ยวนี้ผมอยากเลี้ยงหมามาก ผมชอบมาก แต่ผมไม่เลี้ยง
ไม่ใช่แค่ว่าผมรักหมาพันธ์ุนี้ ไม่ชอบพันธุ์นั้น
แต่ผมรักหมาในฐานะที่มันเป้นสัตว์ร่วมทุกข์ในโลก
ผมเลยไม่อยากเอามันมากักขัง โดยเฉพาะทำให้มันรักเรา แล้วมันต้องเสียใจ หรือเราเสียใจ เพราะต้องตายจากกันไป
ผมไม่อยากขังเขาเอาไว้ด้วยกรงที่เรียกว่าความรัก
แต่ถ้าจะมีหมาตัวไหนมันอยากจะมาอยู่กับผม ถ้าผมเลี้ยงมันได้ ผมก้ยินดี
แต่จะไปบงการให้ได้มานั้น ผมไม่อยากทำ
ผมรู้สึกอย่างนั้นนะ
3. มุทิตา คือ เราเห็นคนอื่นมีความสุข เราก้มีความสุข
อย่างเราเห็นคนสองคนนั้นเขามีความสุขที่เรามอบอิสระภาพให้เขา
เราก้มีมุทิตาจิต ยินดีที่เห็นเขาเป็นสุข
4. อุเบกขา ข้อนี้คือความวางเฉย ค่อนข้างสำคัญ
คือเอาไว้คุม 3 ข้อแรก ให้มันมีความพอดี
ถ้าน้อยไปก็หัดเจริญธรรมทั้ง 3 ข้อให้มันเกิดมีขึ้นมาในใจ
อะไรที่มันตึงเกินไปแล้วก้ต้องปล่อยมัน มันจะขาดก้ช่างมัน ปล่อยมันเป้นไปตามธรรมชาติ เราแค่ยืนดูอย่างใจเป้นกลาง
เหมือนหมาผมป่วย ผมรักษาแล้ว เมตตาแล้ว กรุณาแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว
แต่ยับยั่งความตายของมันไม่ได้
ผมก็ต้องปล่อยมันไป ทำใจยอมรับว่าธรรมชาติมีเกิดใีดับ ชีวิตก็มีเกิดมีดับ
การจะมาจมปลักเสียใจอยู่มันก็ไม่ช่วยอะไร บังคับธรรมชาติไม่ได้
แต่แน่ล่ะ พูดง่าย ทำยาก
เพราะพูดง่าย ทำยาก เราจึงต้องลงมือฝึกฝน นั่นคือการปฏิบัติธรรม
การคิดไปอย่างนั้น คิดไปอย่างนี้ ขบคิดเรื่องธรรมมะไปอย่างนั้น ไปอย่างนี้
มันเป็นแค่รู้ธรรมแบบอ่านมา ฟังมา แล้วเอามาคิด
เวลาเจอกับตัวแล้วมันทำใจไม่ได้ อย่างที่เป็นอยู่
ผมเชื่อว่าคุณหาวิธีคิดให้มันรู้สึกดีได้ ผ่อนคลายได้ แต่ยับยั้งความทุกข์ไม่ได้เลย
ยังเสียใจอยู่มาก ทั้งนี้เพราะเราแค่จำทฤษฎี แต่ไม่เคยลองลงมือฝึก
ดังนั้น การน้อมเอาธรรมะไปช่วย จึงต้องลงมือปฏิบัติ ฝึกฝนของจริงไปด้วย
ความคิดต่างๆมันแค่ช่วยให้เราสงบ ผ่อนคลาย
เราคิดบวกเพื่อเป้นอุบาย "กลบเกลื่อนความทุกข์" เท่านั้นเอง
ถ้าวันไหนเผลอๆ เราก็คิดขึ้นมาอีก แล้วก็โศกาอาดูรอีก
แต่ไม่รู้วิธีรับมือกับความทุกข์ หรือที่พระท่านมักเรียกว่า "หน้าที่ต่อทุกข์"
.......................
วิธีปฏิบัติธรรมคืออะไร เป้นอย่างไร
ลองโหลด mp3 ไปฟังนะครับ
ฟังไปเรื่อยๆ สบายๆ อะไรไม่เข้าใจก็ฟังข้ามๆไป
http://www.wimutti.net/pramote/cd.php?cd=01
เอาใจช่วยคับ
ผมเห็นว่า ผู้ชายคนนี้ดีเกินไปจนอาจไม่เหมาะกับคุณ
หรือไม่ก็ เป็นคนเจ้าชู้ รักผู้หญิงได้หลายคนในเวลาเดียวกัน
****
ตัวอย่างบุคคลในอดีตคนหนึ่งคือ หลุยส์พาสเตอร์ ผู้ค้นพบเซรุ่มรักษาพิษสุนัขบ้า
ตอนที่ทุ่มเทกับการคิดค้น จนไม่สนใจลูก2คนที่ยังเล็กและเจ็บป่วย ปล่อยให้ภรรยาเลี้ยงดูไปตามยถากรรม ลูกป่วยใกล้จะตายแล้ว ภรรยามาตามก็ยังไม่สนใจไปดูลูก เอาแต่คิดค้นยารักษาโรคสุนัขบ้า ในที่สุดประสบความสำเร็จเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ได้จารึกชื่อ ได้รับเกียรติยศอย่างใหญ่หลวง
แต่ในมุมมองอีกด้าน เป็นพ่อที่ทำหน้าที่พ่อที่ทุเรสที่สุด เพราะลูก 2 คนตายไปอย่างไม่ได้รับการเหลียวแล
****
สุดท้าย ก็ไม่รู้ว่าเขาทำเพื่อมนุษยชาติจริงๆ หรือทำเพื่อเกียรติยศชื่อเสียงตนเอง
****
ข้อสรุปของผม คือ ผู้ชายที่คุณรักเวลานี้ จะเป็นอย่างหลุยส์ปาสเตอร์หรือเปล่า
*
*
*
ข้อคิดเห็นอาจขัดใจกับท่านทั้งหลาย ก็ขออภัยไว้ณ.ที่นี้ครับ
หลากหลายคน ก็ยิ่งหลายหลากความคิดและมุมมอง ไม่มีสิ่งใดๆในโลกที่ปราศจากซึ่งข้อแม้และเหตุผลที่น้อยกว่าหนึ่งข้อ ความสับสนลังเลจึงแผ่ขยายออกมาภายใต้น้ำหนักของแต่ละเหตุผลนั้นๆ ทุกๆอย่างล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นได้ง่ายแสนง่าย แต่หากการลบเพียงบางอย่างให้จางหายไปนั้น กลับยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก สิ่งแรกที่เราควรทำความเข้าใจเพื่อให้เข้าใจ ก็คือหลักแห่งธรรมชาติ ธรรมชาติของสิ่งต่างๆซึ่งไม่พึงละเว้นแม้แต่ตัวเราเอง เมื่อเข้าใจถึงรายละเอียดของธรรมชาติได้ถ่องแท้แล้ว เมื่อนั้น บนศรีษะของเรา บนบ่าของเรา ในสายตาของเรา มือทั้งสองข้างของเรา ใต้ฝ่าเท้าคู่ทุกข์คู่ยากทั้งสองข้างของเรา กระทั่งความรู้สึกนึกคิดในจิตใจของเรา จักมีแต่ความว่างเปล่า ความว่าง ที่ไม่จำเป็นต้องมองหา เราก็จักพบเจอได้ทุกเมื่อ เพราะความว่างเปล่าอยู่โดยรอบตัวของเรา เพียงเราไม่มอง ก็จักว่างเปล่าจากการมอง เพียงเราไม่พูด ก็จักว่างเปล่าจากการพูด เพียงเราไม่คิด เราก็จักว่างเปล่าจากความคิดนั้นได้ ฟังดูแล้วเหมือนอาจจะทำได้ยากยิ่ง แต่ในความเป็นจริง สิ่งต่างๆนั้นย่อมเกิดขึ้นได้โดยง่าย เพียงแค่ว่า ต้องเริ่มต้นก่อก่อนเสมอ ลองทำให้ได้ดังนี้ ทั้งชีวิตของคุณ ก็จักว่าง จากความทุกข์ ที่คุณเห็นว่ามันเป็นความทุกข์ บางที อาจทำให้คุณสบายใจขึ้นก็ได้นะ
นิยายได้มาจากชีวิตจริง
กับสิ่งที่นำมาบอกเล่า
คือหนึ่งชีวิตที่ข้ามผ่าน
บางฉากบางตอนของนิยาย
เพราะเราไม่มีโอกาสได้ซักซ้อม
ก่อนออกโรงแสดง
เพราะเราไม่อาจเลือกที่จะเทคได้หลายๆครั้ง
ในชีวิตจริง....
ดังนั้นแล้ว ทุกบททุกตอน จึงต้องรอบคอบ และระมัดระวังให้ดี
.........................................................................................................