5 พฤษภา ธาตุขันธ์หลวงตาอ่อนล้า แต่ใจหลวงตาแกร่งกล้าด้วยธรรม

 scikhuan    

ผลจากความเอาจริงเอาจัง

(เข้าไปกราบที่กุฏิหลวงตาแล้วงามเจ้าค่ะ) ไปแล้วเหรอ คนงามรู้ไหมนี่ ไม่อย่างนั้นมันจะรับกันหรือ กุฏิงามเจ้าของไม่งามอยู่ไม่ได้ ต้องงามต่องามด้วยกันซี งามไหมล่ะ งาม ไม่งามได้หรือ เสกให้งามนี่วะ ทำกุฏิเล็ก ขึ้นข้างบนลำบากเดี๋ยวนี้ไม่ขึ้นแล้ว เป็นอย่างนั้นละทุกวันนี้ ไปนี่ปั๊บเข้าเลย เดินจงกรมตรงนั้น ขึ้นหอบ อ่อนลงๆ ทุกวัน แต่ก่อนขึ้นลงอันนั้นมันยากอะไรโดดเหมือนลิง เดี๋ยวนี้ โหย ไม่ได้ ขึ้นไปหอบแล้ว เลยทำข้างล่างอยู่ ไปปั๊บเข้าเลย อย่างนั้นละ มันอ่อนลงทุกวันนะ ทุกวันนี้อ่อนลงกำลังอ่อน ไปไหนมาไหนเดินตามวัดนี้ก็อ่อนเพลีย กำลังอ่อนลงทุกวันๆ

นี่จะ ๙๕ แล้วนี่ เดือนสิงหาวันที่ ๑๒ เก้าสิบห้าเต็ม บวชมาได้ ๗๓ ปี นี่ยังไม่เกิดเราบวช อ้าว จริงๆ ยังไม่เกิดเราบวช บวชดูได้ ๗๓-๗๔ ปีแล้วมัง นี่อ่อนลงทุกวันละธาตุขันธ์อ่อนลงๆ เดินไปตามนี้เหนื่อยเดี๋ยวนี้นะ ไปศาลาหลังนั้นกลับมาเหนื่อย ไม่ค่อยไปละ เดินแค่นี้จากกุฏิลงมานี้ ไปนี้ไปกุฏิ อ่อนลงทุกวันๆ ธาตุขันธ์ใช้มันมาตั้ง ๙๕ ปีแล้ว เกิด ๒๔๕๖ ดูเหมือนจะ ๙๕ เต็มสิงหา มันก็นาน ทุกวันนี้อ่อนลงทุกอย่าง อ่อนลงๆ มีแต่อ่อนตลอด ไปไหนมาไหนลำบากไม่ค่อยไปแล้ว ไปที่นั่นที่นี่นอน ไปรถก็ไม่ได้นั่ง นอน ไปกิจธุระจำเป็นไปนอนไปอย่างนั้น

แต่เราก็ไม่วิตกวิจารณ์ พูดให้ฟังชัดๆ เสีย เราไม่วิตกวิจารณ์กับการเป็นการตายจะไปเกิดที่ไหนต่อที่ไหน หายสงสัยหมด สามแดนโลกธาตุปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง นี่ละปฏิบัติธรรมมาได้เท่าไร ตั้งแต่บวชมา ๗๓ ปีแล้ว นี่ผลแห่งการปฏิบัติธรรม จิตใจเบิกกว้างครอบโลกธาตุ ไม่มีสะทกสะท้านกับสิ่งใดสามโลกธาตุ หมด หมดโดยสิ้นเชิง จะไปเมื่อไรได้ตาย จะอยู่ก็ไม่ว่า จะไปก็ไม่ว่า มีน้ำหนักเท่ากัน ถ้าจะเอียงมาทางประโยชน์ประชาชนก็ความเป็นอยู่มีน้ำหนักมากกว่า ถ้าธรรมดาเจ้าของไปนานแล้วไม่อยู่ ขี้เกียจแบกธาตุขันธ์ มันหายสงสัยทุกอย่างแล้ว

การปฏิบัติธรรมมานี่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรปรากฏว่าบกพร่องในหัวใจว่าเรายังมีบกพร่องอะไรบ้างไม่มี หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าพูดถึงโลกธาตุปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ภายในจิตใจไม่มีเหลือ ก็มีเหลือแต่รับผิดชอบธาตุขันธ์เท่านั้นเอง นอกนั้นจะห่วงอะไรหวงอะไรไม่มีเลย เงียบเลย นี่จากการปฏิบัติธรรมนะ ถ้าหากว่าไม่ได้ปฏิบัติธรรมแล้วแก่มาเท่าไรยิ่งเสียอกเสียใจนะ เป็นห่วงเป็นใยทุกอย่างการเป็นการตายอะไรทุกอย่างห่วงหมด แต่นี้หมดไม่มี จะอยู่ก็ได้จะไปก็ได้ไม่มีอะไรห่วง หมดโดยสิ้นเชิง นี่ละการปฏิบัติธรรม

พอถึงแดนแห่งความพ้นเสียจริงๆ แล้วมันหมดทันทีเลย ขาดสะบั้นหมดโลกธาตุกับจิตใจที่มันเคยเกี่ยวโยงกันขาดสะบั้นไปเลย หมดโดยสิ้นเชิง ยังเหลือแต่ธาตุแต่ขันธ์ ธาตุขันธ์นี้เป็นเวทีของโลกธรรม จะชมก็ได้จะตำหนิก็ได้อะไรได้ทั้งนั้น แต่ส่วนใจหมดโดยสิ้นเชิง พ้นไปหมดแล้ว ใครจะตำหนิอะไรใครจะชมอะไรไม่รับทั้งนั้น ไม่มีอะไรเท่ากับคำว่าพอ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ อยู่กับคำว่าพอแล้วอะไรก็เอื้อมไม่ถึง ใครจะชมก็แล้วใครจะตำหนิก็แล้ว มันพออยู่ในตัวของมันเอง นี่เรียกว่าธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน เป็นธรรมธาตุรู้ไหม ธรรมธาตุเป็นอย่างนั้นละ หายสงสัย ไม่มีอะไรที่จะสงสัยในโลก หมด

นี่ก็ผลที่เกิดจากความเอาจริงเอาจังนะ เอาจริงเอาจังมากสำหรับเราเอง ว่าอะไรเป็นอันนั้น ไม่เหลาะแหละ ไม่เคยเหลาะแหละ ถ้าลงได้ตัดสินใจอะไรแล้วขาดสะบั้นไปเลยๆ ไม่เคยโลเลอะไร ถ้าว่าอะไรแล้วขาดๆๆ ไปเลย เป็นอย่างนั้น ไปฟังธรรมพ่อแม่ครูจารย์เราสงสัยมรรคผลนิพพาน เรียนก็เรียนมามากเท่าไรความสงสัยมรรคผลนิพพานว่ายังมีอยู่หรือไม่ มันก็สงสัยอยู่นั้น พอไปฟังท่านเท่านั้นหายหมดเลย พอหายก็ทุ่มเลยที่นี่ เรียกว่าเอาละที่นี่เราจะให้ถึงนิพพานในชาตินี้ อย่างไรต้องให้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ ขึ้นทันทีๆ ตั้งแต่นั้นมาก็ทุ่มเลยเชียว

ออกเที่ยวกรรมฐานไปองค์เดียว ไม่เอาใครไปด้วย พ่อแม่ครูจารย์ท่านก็เสริมเลย สำหรับการไปของเราท่านเสริมตลอด ว่าไปองค์เดียว เออ ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ ท่านมหาให้ไปองค์เดียว นั่น นอกจากนั้นจะมีละแง่ต่างๆ พอลาจะไปเที่ยวกรรมฐาน เหอ ขึ้นเลย ตั้งแต่อยู่ในนี้มันก็ตกนรกให้เห็นต่อหน้าต่อตา แล้วมันจะไปตกหลุมไหนอีกล่ะ เท่านั้นละใครจะกล้าไป ไม่กล้า กับเราท่านไม่เป็น ลาจะไปเที่ยวทางไหนๆ ท่านก็ถาม แล้วจะไปกี่องค์ล่ะ ไปองค์เดียว เอ้อ ขึ้นเลย ท่านมหาไปองค์เดียว ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ ท่านว่าอย่างนั้นใครจะไปยุ่งได้ เพราะฉะนั้นการไปเที่ยวกรรมฐานจึงไปแต่องค์เดียว ไปองค์เดียวตลอดเลย

เรียกว่าสมมักสมหมายทุกอย่างในชาตินี้ หมดทุกอย่างแหละเรา เหลือแต่เรือนร่างเท่านั้นกับจิตที่บริสุทธิ์ ว่าให้เต็มเหนี่ยวเสีย ครองร่างรับผิดชอบกันอยู่เท่านั้น เอา อยากไปเมื่อไรก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ ให้ห่วงใยกันไม่มี หมดโดยสิ้นเชิง นี่เวลาชำระ จิตเท่านั้นมันหวงมันห่วง พอจิตขาดสะบั้นจากสมมุติทั้งหลายแล้วหมดห่วง จะอยู่ก็ได้ จะไปก็ได้ นี่ละการปฏิบัติธรรมด้วยความจริงจัง เอาจริง นิสัยเราเป็นคนจริงมากทีเดียว ถ้าลงได้ว่าอะไรแล้วเอาจริงมาก ไม่มีคำว่าเหลาะแหละ เหลาะแหละไม่มี ได้ลั่นลงตรงไหนแล้วขาดๆ เลย

นี่ธาตุขันธ์ก็แก่ขนาดนี้ ก็ไม่เคยเห็นได้หึงได้หวงมันนะ จะไปเมื่อไรก็ไปซิ ไม่ไปจะอยู่ก็อยู่ ก็เคยอยู่มาแล้วนี่ แน่ะเท่านั้น ไม่มีห่วงอะไรหวงอะไร หมด สำหรับจิตใจแล้วหมดโดยสิ้นเชิง สำหรับร่างกายมันเป็นสนามแห่งโลกธรรม ต้องถูกตำหนิติชมทั้งเขาทั้งเราเป็นธรรมดา ถ้าพอใจก็ชมไม่พอใจก็ตำหนิเท่านั้น ส่วนใจนี้หมดโดยสิ้นเชิง ใครจะตำหนิติชมอะไรไม่ได้ผลทั้งนั้นละ เอาละที่นี่ จะให้พร
   




ไปแล้วเหรอ

คนงามรู้ไหมนี่

ไม่อย่างนั้นมันจะรับกันหรือ

กุฏิงามเจ้าของไม่งามอยู่ไม่ได้ ต้องงามต่องามด้วยกันซี

งามไหมล่ะ

งาม

ไม่งามได้หรือ "เสกให้งามนี่วะ"

...........................................

เสกให้งามนี่วะ

มุสาวาทา เวรมณี



• ชะล้างความมืดมนในสังคมด้วย..ปลูกกตัญญูเเก่เยาวชน

• ธรรมให้รู้ : ตอนที่81 - รวย=ทุกข์? โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร

• ความมีศีลย่อมทำให้ผ่องใส (สมเด็จพระญาณสังวร)

• นาฏมวยไทย ประเพณีไทย

• เต่าตายเพราะปาก (กัจฉปชาดก)

• ปฏิบัติธรรมวันสงกรานต์ แบบเจโตวิมุติ 12 - 15 เมษายน 2567 ณ ปัณฑิตารมย์สระบุรี

RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย