คำขอบวช อะปะมาโร
คือผมได้เคยบวชมาแล้วและคิดว่าตัวเองบวชไม่ขึ้นซ้ำยังทำให้พระอุปัชฌาต้องอาบัติ "ทุกกฏ" แม้ปัจจุบัน
ท่านจะมรณะภาพไปแล้วเนื่องด้วยตอนเด็กๆเวลาผมตัวร้อนมากๆจะมีอาการชัก ผู้ใหญ่ก็จะยกมือไหว้บนบาน
สานกล่าวว่า โตขึ้นจะให้บวช(คุณยายซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว) ไม่ได้จะเอายายมาประจานนะครับเพราะผมรัก
ท่านมากและท่านก็รักผมมาก แต่เรื่องมีอยู่ว่าเด็กที่มีการชักบ่อยๆ การเจริญพัฒนาของสมองจะผิดปกติ
ชนิดเอกเซรย์ไม่พบ ทำนอง มีส่วนของอวัยวะที่มีลักษณะอ่อนแอ คือ คลื่นสมองจะผิดปกติในบางครั้ง ซึ่ง
อาการนั้นอาจเป็นมาถึงตอนโตเวลาเครียดมากๆหรืออยู่ในภาวะที่แสลงโรคเช่น หิว เหนื่อยหรืออดนอน ตอน
ที่อายุยังไม่ครบบวชนั้นผมได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง(คุณพ่อพาไป) กินยาตามคำแนะนำ
ของแพทย์วันละสองเม็ดอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ จนแพทย์ลดยาลงเหลือหนึ่งเม็ด หนึ่งเม็ดวันเว้นวัน และ
สุดท้ายหยุดยาเลยแต่ยังไม่ได้ตรวจคลื่นสมองยืนยันเป็นครั้งสุดท้าย(ซึ่งต้องทำหลังจากการหยุดยาหนึ่งปี
แพทย์จึงวินิจฉัยว่าหายแล้ว) เรื่องก็มีอยู่ว่าผมไปบวชตอนที่อยู่ในช่วงที่ไม่ได้กินยาแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ถึงเวลา
ในการตรวจคลื่นสมองยืนยันการหาย เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เรียนจบปริญญาตรีและยังหางานไม่ได้เพราะ
จะมีความรู้สึกว่าโตขึ้นต้องบวชมาตั้งแต่เด็กด้วยผู้ใหญ่บนไว้ ถ้าไม่บวชจะทำอะไรติดติดขัดขัด ความเชื่อ
เช่นนี้จึงทำให้กลัวการบน(ทั้งๆที่ในพุทธศาสนาไม่ได้สอนแบบนี้แต่ค่านิยมทางสังคมกลับเป็นแบบนี้) จึงได้
บอกกับผู้ปกครองว่าจะบวชผู้ปกครองก็พาไปหาพระที่วัด ท่านก็จัดการสอนบทขานนาคให้ว่า ถ้าถามแบบนี้
ต้องตอบแบบนี้(พระท่านทราบว่าท่านถามว่าอะไรแต่ผู้บวชไม่รู้เลย) ก็ท่องไปตามนั้นแบบไม่รู้คำแปลและ
ไม่มีเจตนาจะโกหก ทีนี้ผมก็มาคิดว่าถ้าเราพลาดแล้วอ้างว่าไม่รู้นรกต้องว่างเป็นแน่แท้เพราะคนก็คงจะ
กระทำผิดแล้วอ้างว่าไม่รู้ จึงคิดว่าพลาดไปแล้วแต่ก็มิใช่เพราะมีเจตนาจะย่ำยีพระศาสนาแต่เพราะไม่รู้จริงๆ
ว่าบุคคลที่เป็นโรคใดหนึ่งในห้าโรคนี้ห้ามบวช คือ กุฏฐัง คันโธ กิลาโส โสโส อะปะมาโร(กุฏฐังคิดว่าใครๆก็รู้
แต่ที่เหลือถ้าไม่บอกคำแปลคงยากที่จะรู้)
คืออยากจะบอกว่า คนต่างจังหวัดนั้นเมื่อเด็กเล็กๆต้องประสบโรคภัยไข้เจ็บมักบนว่าโตขึ้นจะให้บวชทั้งๆที่
ไม่รู้ว่าข้อห้ามบวชมีมากมาย ส่วนเด็กจะรู้สึกเหมือน "ติดหนี้" อยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถรับรู้รายละเอียด
อย่างถูกต้องในทางศาสนาได้(ก็สนใจแต่วิ่งเล่นไปตามเรื่อง) ก็จะเกิดการส่งต่อค่านิยมแบบผิดๆไปสู่
พุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง เนื่องจากโดยส่วนตัวนั้นคิดว่าหากผู้ใดมีวิบากกรรมที่จะต้องเสียชีวิตในปฐมวัย พุทธ
ศาสนาจะสอนว่าไม่มีผู้ใดมาดลบันดาลให้หายได้หรอก(เรื่องอายุวัฒนกุมารของดนะครับเพราะเป็นกรณีที่
พิเศษจริงๆ)และการบวชที่จะได้อานิสงค์มากคือบวชถูกต้องทุกอย่างและรักษาศีลได้บริสุทธิ์ แต่ดูเหมือน
ชาวบ้านสมัยก่อนจะเห็นว่าการบวชเป็นสิ่งดีงามที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่างโดยไม่ยอมรับรู้ความเป็น
"อฐานะ" เอาเสียเลย เมื่อเร็วๆนี้ก็มีพี่ชายแถวๆบ้านซึ่งเป็นโรคลมชักบวชแป๊บนึงแล้วก็สึกเพราะเคยบนไว้ว่า
ถ้าหายดีจากอุบัติเหตุที่ประสบจะบวช(บนตัวบวช) ซึ่งไม่ใช่ฐานะที่จะบวชได้นี่นา
ปล.โรคลมชักนั้นจะรวมทั้งหมดไม่ว่าจะชักแบบใด ชักแบบลมบ้าหมูจะมีลักษณะคล้ายเวลาเด็กตัวร้อนแล้ว
ชัก นอกนั้นยังมีการชักอีกหลายแบบซึ่งเดี๋ยวนี้จำแนกละเอียดมาก
ปล2. ถ้าจำไม่ผิดต้นบัญญัติของการห้ามผู้ป่วยห้าโรคนี้บวชเนื่องจากมีผู้มาบวชเพียงเพื่อต้องการให้ท่านชี
วกฯรักษาพอหายก็สึกไป ไม่คิดศึกษาพระธรมวินัยอย่างจริงจัง ท่านจึงทูลขอต่อพระพุทธองค์ซึ่งพระพุทธ
องค์ก็ได้บัญญัติไว้ในพระวินัยในการห้ามบวชบุคคลที่เป็นโรคใดก็ตามในห้าโรคนี้
ปล3. ท่านชีวกฯเสียชีวิตไปนานแล้วจะถือเอาว่าเป็นสิกขาบทเล็กน้อยแล้วไม่สนใจได้หรือไม่ ความเห็นจาก
ผู้ที่เป็นเลยนะครับ ไม่ได้ เพราะ ผู้ป่วยโรคนี้ถ้าอาการหนักไม่สามารถปล่อยให้อยู่คนเดียวได้จะหาผู้ใดที่เป็น
ชายมาคอยรับใช้ก็เข้าข่ายอนุสำปันอยู่ดีและการเจริญวิปัสสนานั้นไม่ควรคลุกคลีด้วยหมู่คณะจึงเป็นปฏิปักษ์
ต่อกันอย่างชัดเจน ภาพพระเป็นลมผู้คนยังพอรับได้แต่เป็นลมแล้วชักเหมือนเด็ก มือเท้าเกร็ง ปากเบี้ยว
ตาเข จีวรปลิวนั้นไม่น่าดูเอามากๆ การไปพบแพทย์ก็ลำบากเพราะโรคนี้ต้องกินยาตลอดชีวิตแล้วข้อห้าม
ของโรคนี้ข้อหนึ่งคือ อย่าปล่อยให้หิว หากไปหิวในเวลาวิกาลเล่า
ผมคิดแล้วคิดอีกก็ไม่เห็นว่าเป็นสิกขาบทเล็กน้อยไปได้เลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด(ขนาดต้องเอา
นรกมาแลก 19วัน ที่บวช) แต่คุณพ่อคุณแม่จะไม่มีส่วนด้วยหรอกผมไปเรียนท่านว่าต้องการบวชเอง
ผมไม่ค่อยสบายใจเลยจึงเรียนมาว่าเรื่องการบนบวชนั้นอย่าเลย เพราะมาพบทีหลังว่าข้อห้ามของบุคคลห้าม
บวชมีเยอะมากและการบนบานสานกล่าวพุทธศาสนาก็ไม่ได้สอนแบบนั้น
ปลอีกที. อะปะมาโร แปลว่าโรคลมบ้าหมูนะครับ
4,060