นานาสาระ...อันตราย"พลาสติก"ใช้ซ้ำ!

 ลูกโป่ง    14 ธ.ค. 2553




 อันตราย"พลาสติก"ใช้ซ้ำ! 

"การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีมาตรฐานมีแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ
รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทำความเข้าใจกับพลาสติก
นับเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันหลีกไกลจากอันตราย
เช่น ขวดน้ำควรเลือกใช้ในชนิดที่ออกแบบให้ใช้ได้หลายครั้งเป็นวัสดุที่มีความคงทน"


ยังคงมีความเคลื่อนไหวให้ติดตามต่อเนื่องสำหรับการผลิตบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบัน
ที่อาจมีสารอันตรายต่อสุขภาพปนเปื้อนทำให้ผู้บริโภคต้องเพิ่มความระมัดระวัง


 ขณะเดียวกันการขาดความรู้ความเข้าใจ การนำมาใช้ไม่เหมาะสม
ภัยเล็ก ๆ ที่มองข้ามกันไปเหล่านี้ก็มีความอันตรายไม่น้อยเช่นกัน!! 


ตัวอย่างที่สำคัญคือ


 สารบีพีเอ หรือบิสฟินอลเอ 

สารที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตเป็นโพลีคาร์บอเนต
วัตถุดิบที่ใช้ผลิตขวดนมขวดน้ำดื่ม ของเล่นรวมถึงอุปกรณ์กีฬา
อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบผลิตเรซิ่นสังเคราะห์
สำหรับเคลือบกระป๋องอาหารและ เครื่องดื่มต่าง ๆ


สารนี้หากหลุดปนเปื้อนไปในนม หรือน้ำก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว
และอาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน
ทำให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ เช่น การเจริญเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นก่อนวัย
โดยเฉพาะในเด็กผู้หญิง โรคอ้วนโรคเบาหวาน มะเร็ง
ที่ผ่านมาได้มีการแจ้งเตือน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายประเทศ
รวมทั้งในหน่วยงานอาหารของไทยยืนยันว่า
สารบีพีเอในขวดนมต่ำกว่าค่าที่จะเป็นอันตราย
แต่อย่างไรก็ตามในประเทศแคนาดา
ประกาศไม่ให้ขวดนมมีสารนี้ปนเปื้อนและประเทศ
ในยุโรปก็ประกาศเส้นตายไว้ปีหน้าเช่นเดียวกัน


 ขณะที่ภาชนะหลากหลายในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ
แก้วน้ำ บรรจุภัณฑ์มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลาสติก
การใช้อย่างเหมาะสมถูกวิธีสิ่งนี้มีความสำคัญ
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์
หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก
คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ให้ความรู้ว่า
การนำภาชนะพลาสติกมาใช้ใส่อาหาร
สิ่งนี้เรียกว่า อยู่ไม่ไกลจากชีวิตประจำวันของเรา 



พลาสติก เป็นโพลิเมอร์สังเคราะห์ชนิดหนึ่งซึ่งโพลิเมอร์นั้น
เป็นสารที่มีโครงสร้างทางเคมีประกอบด้วยหน่วยย่อยซ้ำ ๆ
แบ่งออกเป็นโพลิเมอร์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
อย่างเช่นยางธรรมชาติ ฯลฯ
และโพลิเมอร์สังเคราะห์สร้างขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ


"พลาสติกที่นำมาใช้สำหรับเป็นภาชนะหีบห่ออาหาร
มีด้วยกันหลายอย่างในชนิดที่คุ้นเคยกัน
ก็จะมี Polyethylene terephthalate พลาสติกใส
ชนิดนี้ใช้บรรจุน้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำผลไม้
จะมีคุณสมบัติใสกระจ่างเหนียว ป้องกันความชื้น ฯลฯ


อีกชนิดที่มีคุณสมบัติเหนียวยืดหยุ่นLow density polyethylene
ซึ่งใช้เป็นถุงเย็น ฟิล์มห่ออาหารฯลฯ
ส่วนอีกชนิดPolypropylene ซึ่ง มีความแข็งเหนียวทนความร้อน
ชนิดนี้นำมาเป็นถุงร้อนบรรจุอาหารร้อน
ภาชนะสำหรับไมโครเวฟซึ่งก็มีทั้งแบบใช้ซ้ำและใช้ครั้งเดียวเป็นต้น"


การนำมาใช้จึงควรเลือกใช้อย่างเหมาะสม
เนื่องจากพลาสติกจะสัมผัสกับเนื้ออาหารโดยตรง
สัมผัสกับผู้ใช้ซึ่งอาหารที่มีความร้อน ความเย็น
ความมันความเป็นกรดด่าง ฯลฯคุณสมบัติเหล่านี้
หากทำให้สารต่าง ๆ ในพลาสติกรั่วไหลออกมา
และปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายผู้ใช้ก็จะได้รับอันตรายแบบเรื้อรัง
ความห่วงกังวลในปัจจุบันตามที่มีการศึกษาวิจัย
ก็จะมีในเรื่องของบีพีเอ สไตรีนและทาเลท


ในประเทศไทย ขวดนมตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
มีการระบุถึงกรณีที่ทำด้วยพลาสติกจะต้องเป็นชนิดโพลีคาร์บอเนต
ที่ทนความร้อนที่ใช้ต้มได้ มีความทนทานต่อการใช้งานได้หลายครั้ง
และต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่กำหนดไว้
ส่วนการใช้พลาสติกชนิดอื่นหรือวัสดุอื่น
ต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา


"ขวดนมอาจจะทำจากพลาสติกอื่นได้อีก
แต่ด้วยวัสดุดังกล่าวเป็นวัสดุที่มีความโดดเด่นโปร่งใส
ทนความร้อนก็เลยนำมาใช้ แต่อย่างไรแล้วในต่างประเทศ
ก็มีการศึกษาให้ความสนใจพิษภัยของบีพีเอซึ่งบ้าน เราคงต้องทบทวนเรื่องนี้


นอกจากนี้ในการใช้ขวดนมทั่วไปที่มีอยู่ก็มีข้อควรระวัง
อย่างเช่นการทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม ด้วยน้ำยาที่เหมาะสมไม่เป็นพิษ
ไม่เป็นกรดหรือด่างแรง ล้างออกให้หมดตากให้แห้ง
และต้มฆ่าเชื้อหากใช้ไประยะหนึ่ง
แล้วพบว่าเปลี่ยนสภาพเปลี่ยนสีก็ไม่ควรใช้ต่อไป"


 นอกจากขวดนมสำหรับเด็กแล้ว
ขวดน้ำพลาสติกโดยทั่วไปจะใช้กันเพียงครั้งเดียว
วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้คือ โพลีเอททิลีนพลาสติก 

 ที่ใช้จะบางและไม่ทนต่อทั้งความร้อนและความเย็นแบบแช่แข็ง
การใช้ที่ไม่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการใช้ซ้ำ ๆ
ทิ้งในที่ร้อน ๆ เก็บไว้ในรถที่จอดตากแดดนาน
หรือแม้แต่นำไปแช่ในช่องน้ำแข็ง จะทำให้พลาสติกเสียสภาพแตกร้าว
ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น
เชื้อแบคทีเรียสามารถแทรกซึมเข้าไปปนเปื้อนกับน้ำดื่มได้
ส่วนสารพิษจากสารทำให้พลาสติกอ่อนนิ่ม
เช่น ทาเลทยังไม่มีข้อมูลยืนยันอันตรายชัดเจนในขวดน้ำดื่ม


อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องติดตาม คือ สไตรีนสารต้นกำเนิดของโพลิสไตรีน
เป็นพลาสติกที่นำมาใช้ทำโฟมใส่อาหาร หรือ แก้วน้ำแบบใช้ครั้งเดียว
สารดังกล่าวอาจรั่วไหลสู่อาหารได้จากความร้อน กรดและอาหารที่มีไขมันสูง 




 "ภาชนะโฟมที่นำมาบรรจุอาหาร  
 กล่องโฟมที่ทำจากวัสดุดังกล่าวมีใช้กันอยู่ไม่น้อยและแม้จะมีการนำถุงร้อน
ใบตองรองชั้นล่างแล้วใส่ของร้อน
แต่ด้านบนส่วนใหญ่จะไม่มีวัสดุใดปิดด้านบนเวลาปิดฝา
ด้านบนก็จะได้รับความร้อนเท่ากับด้านล่าง
ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่าฝาด้านในบุ๋มลง
ซึ่งก็หมายความว่าสารสไตรีนละลายลงในอาหาร


สารดังกล่าวเมื่อสะสมนานวันก็จะทำลายสมองไขสันหลัง
นอกจากนี้กระบวนการผลิตก็ต้องใช้ซีเอฟซีซึ่งเป็นสารทำลายโอโซน
เพิ่มภาวะโลกร้อน ในหลายประเทศมีความตื่นตัวในเรื่องดังกล่าว
และมีการห้ามใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหาร
บ้านเราขณะนี้ก็มีวัสดุใหม่ ๆ อย่างเช่น ชานอ้อยเป็นทางเลือก" 



 การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีมาตรฐานมีแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ
รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทำความเข้าใจกับพลาสติก
จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันหลีกไกลจากอันตราย
เช่น ขวดน้ำควร เลือกใช้ในชนิดที่ออกแบบให้ใช้ได้หลายครั้ง
เป็นวัสดุที่มีความคงทน ส่วนที่ออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียวก็ควรใช้ครั้งเดียว
ไม่นำมาใช้ซ้ำควรนำไปรีไซเคิล


นอกจากนี้ในการทำความสะอาดก็ควรให้ความสำคัญ
ซึ่งในความไม่ปลอดภัยไม่เพียงเฉพาะภาชนะบรรจุภัณฑ์
ในเรื่องของความสะอาดหากละเลยก็อาจทำให้มีเกิดการเจ็บป่วยได้เช่นกัน


ด้วยความเร่งรีบในการดำเนินชีวิต ความสะดวกสบาย
ซึ่งอาจทำให้ละเลยถึงความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารเรื่องใกล้ตัว
การรู้ใช้อย่างเท่าทันเลือกใช้อย่างพิถีพิถันรอบคอบ
ก็น่าจะเป็นอีกทางออกของความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
 


 ที่มา...หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
คัดลอกจาก...สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  
   




 4,230 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย