คำขยายความของ "ลัทธิกรรมเก่า"
ได้อ่านในหนังสือพระท่านบอกว่า พระพุทธเจ้าสอนว่าลัทธินอกพระพุทธศาสนามีสามลัทธิ
สนใจในข้อหนึ่งที่ท่านกล่าวว่า "ลัทธิกรรมเก่า" ผมไม่เคยรู้ตรงจุดนี้มาก่อนว่า่มีคำอธิบายขยายความว่าอย่างไร
เนื่องจากเคยทราบจากการอ่านมาว่า การจุติ(ตาย)และการกำเนิดของสัตว์เป็นไปตามอำนาจกรรม เลยคิดว่าทุกสิ่งในชีวิตเราขึ้นอยู่กับ "อดีตกรรม" จึงมาหาคำขยายความของคำว่า "ลัทธิกรรมเก่า" รู้ความหมายแล้วก็ไม่อยากรู้คนเดียว อยากนำมาให้ท่านอื่นๆได้อ่านด้วย จึง ก็อบปี้ คำอธิบายตามที่ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ได้อธิบายไว้ในปี 2552 มาโพสท์ครับ
กรรมใหม่สำหรับทำ กรรมเก่าสำหรับรู้ -พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต)
จุดสังเกตสำคัญที่อยากจะเน้น คือ ใครก็ตามที่ปลงว่า แล้วแต่กรรม(เก่า) นั้น เขากำลังทำบาปใหม่ที่เกิดจากโมหะความหลงงมงาย คือ เขากำลังทำความประมาท ที่จะมีผลร้ายต่อไป
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีลัทธิเดียรถีย์(ติตถายตนะ) ผิดหลักพุทธศาสนา เพราะเป็นไปเพื่อการไม่กระทำ (พุทธศาสนาถือหลักการกระทำ)อยู่ ๓ ลัทธิ คือ
๑. ลัทธิกรรมเก่า
เรียกสั้นๆ ว่า ปุพเพกตวาท สุข-ทุกข์หรือไม่ ย่อมเป็นตามกรรมที่ได้ทำไว้แต่ปางก่กน
๒. พวกลัทธิพระเป็นเจ้าบันดาล
เรียกสั้นๆ ว่า อิศวรนิรมิตวาท สุข-ทุกข์หรือไม่ แล้วแต่เทพเจ้าดลบันดาล
๓. ลัทธิแล้วแต่โชค
เรียกสั้นๆ ว่า อเหตุวาท สุข-ทุกข์หรือไม่ ย่อมเป็นไปเอง
เรื่องกรรมที่เชื่อกันในแง่กรรมเก่านี้ มีจุดพลาดอยู่ ๒ แง่ คือ
๑. ไปจับเอาส่วนเดียวเฉพาะอดีต
ทั้งที่กรรมนั้นเป็นกลางๆ ไม่จำกัด ถ้าแยกตามกาลเวลาก็ต้องมี ๓ กรรม ต้องมองให้ครบ คือ
กรรมเก่า (ในอดีต)
กรรมใหม่ (ในปัจจุบัน)
กรรมข้างหน้า (ในอนาคต)
๒. มองแบบแยกขาดตัดตอน
ไม่มองให้เห็นความเป็นไปของเหตุปัจจัยที่ต่อเนื่องกันมาโดยตลอด
คือไม่มองเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา เลยไปมองเหมือน
กับว่ากรรมเก่าเป็นอะไรก้อนหนึ่งที่ลอยตามเรามาจากชาติก่อน
แล้วมารอทำอะไรกับเราอยู่เรื่อยๆ
จุดสังเกตในการทำความเข้าใจ
หนึ่ง กรรมเก่าที่ทำทั้งหมด คือกรรมที่ได้ทำไปแล้ว ส่วนกรรมใหม่(ในปัจจุบัน) คือที่กำลังทำๆ อีกต่อไปก็จะกลายเป็นกรรมเก่า กรรมข้างหน้าก็ยังมาไม่ถึง เช่น ถ้าจะศึกษาหรือตัดสินคน ก็ดูจากกรรมเก่าย้อนหลังไปก็ใช้เป็นประโยชน์ได้
สอง กรรมเก่านั้นสำคัญยิ่งต่อเราทุกคน เพราะเราแต่ละคนที่เป็นอยู่ขณะนี้ ก็คือผลรวมจากกรรมที่สะสมมา กรรมเก่านี้ก็ให้ผลแก่เราเต็มที่อยู่ เช่น เรามีวิสัยขีดความสามารถทางกาย วาจา ทางจิตใจ และปัญญาเท่าไร และจะทำอะไรต่อไปได้แค่ไหน ก็อยู่ที่กรรมเก่าดังว่า
สาม แม้กรรมเก่าจะสำคัญมาก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปสยบยอมต่อมัน แต่ตรงข้าม เรามีหน้าที่พัฒนากรรมเก่านั้นให้ดีขึ้น
สรุปวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องต่อกรรมทั้ง ๓ ส่วนว่า
กรรมใหม่ (ในปัจจุบัน) คือกรรมที่เราทำได้ และจะต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด
กรรมเก่า (ในอดีต) เราทำไม่ได้ แต่เราควรรู้ เอาความรู้จักนั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปรับปรุงกรรมใหม่ให้ดียิ่งขึ้น
กรรมข้างหน้า (ในอนาคต) เรายังทำมันไม่ได้ แต่สามารถเตรียมหรือวางแผนเพื่อจะทำกรรมที่ดีที่สุด ด้วยการทำกรรมปัจจุบันที่จะพัฒนาเราให้ดีงามและงอกงามยิ่งขึ้น เมื่อเวลานั้นมาถึงเราก็จะสามารถทำกรรมที่เป็นกุศลอย่างเยี่ยมยอด
ขอย้ำอีกครั้งว่า กรรม ใหม่สำหรับทำ กรรมเก่าสำหรับรู้ อย่ามัวรอกรรมเก่าที่เราทำอะไรมันไม่ได้แล้ว แต่หาความรู้จากกรรมเก่านั้น เพื่อเอามาปรับปรุงการทำกรรมปัจจุบัน จะได้พัฒนาตัวเราให้สามารถทำกรรมอย่างเลิศประเสริฐได้ในอนาคต
ผมต้องพิมพ์ไว้อ่านก่อนน่ะครับ เพราะเคยเชื่อ(ตามๆกันมา) ในสิ่งที่ท่านสอนว่าเป็นจุดผิดพลาด เลยต้องนำไปพิจารณาว่าเราเคยพลาดตรงจุดไหน เลยถือโอกาสนำมาโพสท์ให้ท่านอื่นๆได้อ่านด้วยน่ะครับ
ที่ชาวพุทธไม่เข้าใจเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม เพราะไม่เรียนอภิธรรม จิต เจตสิก รูป นิพพาน ปัจจยต่างๆ ก็เลยคิดเอาเองอย่างนั้นอย่างนี้ข้างเดียวแบบสุดโต่งบ้าง (นานๆจะเข้ามาที )