เรื่องย่อ ลีลาวดี

 bun    

เรื่องย่อ ลีลาวดี
บัญชา เกียรติจรุงพันธ์ ....เรียบเรียง..จากธรรมนิยายของ ส.ธรรมโฆษ...
(ได้รับอนุญาตจาก ศ.แสง จันทร์งาม แล้ว)

ลีลาวดี...เป็นชื่อเรื่องของนวนิยายที่ประพันธ์โดย ธรรมโฆษ (แสง จันทร์งาม) มีความดีเด่นทั้งในด้านการผูกร้อยเรียงเรื่องราวและแทรกข้อคิดคติธรรมตลอดเรื่อง จัดพิมพ์และบันทึกเสียงอ่านโดย ธรรมสภา มีทั้งหมด 3 เล่มคือ ภาค1 ภาค 2 และภาคสมบูรณ์ ผู้สนใจที่ได้อ่านส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่าประทับใจ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่มีเวลาที่จะอ่านจนครบทุกเล่ม ข้าพเจ้าอ่านแล้วหลายรอบ รู้สึกพึงพอใจทุกครั้งเหมือนอ่านใหม่ทุกครั้ง ข้าพเจ้ามักจะนำเกร็ดเรื่องนี้ไปเล่าอยู่บ่อยๆ คนที่ได้รับฟังต่างก็อยากจะอ่านหรือฟังตลอดเรื่อง เมื่อมีคนใกล้ชิดมาถามอยากจะทราบเรื่องย่อ ข้าพเจ้าก็หนักใจเพราะจะย่อคติธรรมที่ดีเด่นในเรื่องก็ดูจะเสียความ จึงได้แต่เล่าเรื่องของตัวเอกคือ ลีลาวดี ว่าเธอก้าวเดินไปอย่างไร ต่อมาได้รับคำสนับสนุนให้สรุปเป็นเรื่องย่อเฉพาะที่กล่าวถึงเธอ ข้าพเจ้าจึงรวบรวมมาไว้ที่บล็อคนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นธรรมทาน ขอเชิญท่านเลือกรับโดยใช้วิจารณญาณและตามศักยภาพแห่งศรัทธา

ลีลาวดี...สตรีผู้ก้าวไป

บัญชา เกียรติจรุงพันธ์ ....เรียบเรียง..จากธรรมนิยายของ ส.ธรรมโฆษ

กรณีตัวอย่างของความรักที่สตรีได้แสดงออกต่อบุรุษอย่างดีที่สุดกรณีหนึ่ง.......แต่...



บทนำ........


เมื่อพูดถึงเรื่องความรัก คำถามที่ตอบยากที่สุดคำถามหนึ่งได้แก่ “ชายกับหญิง ใครมีรักแท้มั่นคงมากกว่ากัน? ” และผ่านมาจนกระทั่งถึงยุคสมัยนี้ก็ยังหาคำตอบที่จะมายืนยันว่าฝ่ายหนึ่งมีมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีกรณีแห่งความรักที่ยืนยันได้อย่างไม่ใครเพลี่ยงพล้ำ ตัวอย่างของความรักที่บุรุษแสดงความจริงใจ รักแท้ มั่นคง ต่อสตรีมีมากมาย ทั้งการดั้นด้น สืบเสาะหา เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ผจญอุปสรรคนานา เพื่อเธออันเป็นที่รัก พิลึกพิลั่นมหัศจรรย์มากมายเกินกว่าจะบรรยายก็มีนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกัน สตรีที่มอบดวงใจให้กับชายคนรัก แสดงความรักแท้ จริงใจ ซื่อสัตย์ อดทน ปรารถนาดีอย่างไม่คลอนแคลน แสนจะน่าชื่นชม ก็มีเกินจะพรรณนา ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ แท้ที่จริงไม่ว่าชายหรือหญิงย่อมต้องการรักแท้ จริงใจ ซื่อสัตย์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ทำไม่เล่า...ที่ใดมีรักที่นั่นจึงมีทุกข์อาจ...เป็นเพราะ ความไม่สมดุลแห่งสภาวะแห่งรักที่เกิดขึ้นกระมัง...บางคนกล่าวว่า.เพราะมนุษย์มีจิตวิญญาณที่ละเอียดลึกซึ้ง จึงจะต้องมีการเชื่อมโยงจิตต่อจิตใจต่อใจจึงจะได้รักต่อรัก...ใช่อย่างนั้นทุกรายหรือไม่หนอ


ลีลาวดี...เป็นอีกหนึ่งของกรณีตัวอย่างของความรักจากสตรีคนหนึ่ง ที่แสนจะเป็นทรมานบันเทิง ที่มีทั้งรักทั้งหวังทั้งยินดีทั้งสุขทั้งเศร้าระคนปนเปอยู่ทุกช่วงเวลาของชีวิต เป็นเรื่องราวที่ประทับใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ผ่านสายตาจากการอ่านหรือได้ฟังเรื่องราวของเธอ จากธรรมนิยายชื่อ ลีลาวดี บทประพันธ์ของ ธรรมโฆษ ณ บัดนี้ จึงขอน้อมนำท่านทั้งหลายติดตามความรักของเธอด้วยการย่อเรื่องราวนำมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับเธอและความรักของเธอ มาติดตามว่าสุดท้ายแล้วเธอจะก้าวไปอย่างไร



ลีลาวดี...สตรีผู้ก้าวไป
ช่วงที่ 1 .......พบเพื่อพราก


เรวัตตะ หนุ่มน้อย วัย 15ปี แห่งหมู่บ้านคนจัณฑาลใกล้ๆกรุงสาวัตถี ลูกของคนตัดฟืนขาย จำใจรับปากพ่อแม่ ที่จะไปอยู่กับสุมังคละเศรษฐีผู้เป็นชนชั้นวรรณพราหมณ์ ท่านมีภรรยาชื่อนางคฤหปตานี มีลูกสาวคนโตชื่อกัณณิกา ลูกชายคนรองรุ่นราวเดียวกับเรวัตตะ ชื่อชัยเสน และลูกสาวคนเล็กชื่อ ลีลาวดี

สุมังคละเศรษฐีพอใจเรวัตตะที่มีนิสัยสงบเสงี่ยม ขยันขันแข็ง รับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน จึงรักเหมือนบุตร อีกทั้งเป็นเพื่อนเล่นกับชัยเสน จึงให้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ด้วย และให้เรียนหนังสือกับพราหมณ์ไปพร้อมกัน แต่ต่อมาท่านเศรษฐีต้องเดินทางไปค้าขายแดนไกลพร้อมกับชัยเสน นางคฤหปตานีกับกัณณิการังเกียจคนจัณฑาลยิ่งนักจึงไล่ให้เรวัตตะไปทำงานหนักเหมือนทาส ให้ไปอาศัยอยู่กระท่อมท้ายสวน อยู่มาวันหนึ่งเรวัตตะก็พบอาหารดีๆผ้าเนื้อดีๆอยู่ในกระท่อมพร้อมกับจดหมายว่าจากผู้หวังดี คืนเพ็ญวันหนึ่งลีลาวดีก็แอบลงมาพบเขาพร้อมกับบอกว่าเห็นใจและสงสาร เรวัตตะซาบซึ้งในน้ำใจของผู้หวังดีที่ไม่กลัวที่จะแปดเปื้อนอัปมงคลจัณฑาลอย่างเขา และลีลาวดีแอบลงมาคุยกับเขาบ่อยขึ้น ในที่สุดความใกล้ชิดทำให้เขาทั้งสองมีความรักต่อกัน

“ข้าพเจ้ารักท่าน ลีลาวดี รักยิ่งกว่าชีวิตของข้าพเจ้าเอง หัวใจของข้าทรยศต่อผู้มีพระคุณเสียแล้ว ข้าพเจ้าทราบดีว่าตนเป็นเพียงเด็กจัณฑาลเดนมนุษย์ไม่ควรค่าแม้แต่จะเช็ดเท้าให้ท่าน และได้พยายามห้ามปรามจิตใจไว้ แต่มันก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ลีลาวดีเอ๋ย ท่านไม่ต้องเสียใจ ข้าพเจ้าไม่ต้องการแม้แต่คำว่า “รัก” จากท่าน เพียงแต่ขอบอกความจริงใจแก่ท่านเท่านั้น” ลีลาวดีร้องไห้ เรวัตตะตกใจมาก แต่เธอกลับกล่าวว่า “เธอก็ทราบแล้วมิใช่หรือว่า น้ำตาของคนเรามิใช่เครื่องหมายแห่งความโศกเศร้าเสียใจเสมอไป” “ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าอยากจะเข้าใจว่า ท่านก็รักข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน” “ไม่ผิดหรอก เรวัตตะ เธอเข้าใจถูกแล้ว” “ขอทาสผู้ซื่อสัตย์ของท่าน ได้จุมพิตมือของท่าน ให้สาสมกับความดีใจด้วยเถิด”

ในที่สุด แม่และพี่สาวก็ทราบว่าลีลาวดีแอบลงมาจากปราสาท จึงจับลีลาวดีเฆี่ยนตีทรมาน เรวัตตะทราบว่าตนเองเป็นต้นเหตุจึงแก้ไขด้วยการหนีออกจากบ้านไป แล้วเดินทางออกนอกเมือง ไปจนถึงบ้านหลังเก่า ได้ทราบข่าวว่าพ่อแม่ ย้ายไปทางเหนือ ฉากชีวิตแห่งการร่อนเร่พเนจรเริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาเดินทางไปเรื่อยๆ จนร่างกายผอมโซผมและหนวดเครายาวรุงรังคล้ายคนบ้า จนพลัดหลงเข้าไปในป่าของหมู่โจร ได้เรียนรู้ศิลปวิทยาจนเป็นโจรหนุ่มผู้มีความสามารถ เวลาผ่านไป 4 ปี วันหนึ่งกลุ่มโจรปล้นพ่อค้าที่ผ่านทางมาและจับหัวหน้าพ่อค้าเตรียมจะเชือดคอเพื่อบูชาเจ้าแม่กาลี เรวัตตะเพ่งมองอย่างชัดเจนจึงทราบว่าเป็นท่านสุมังคละเศรษฐี เขาขอร้องหัวหน้าโจรให้ผ่อนผันไม่ให้ฆ่า โดยอาสาว่าวันพรุ่งนี้จะไปหาคนอื่นมาให้ฆ่าแทน วันใหม่แล้ว เรวัตตะไปดักรอพบเหยื่อจนค่ำจึงมีภิกษุรูปหนึ่งเดินมาตามทาง เรวัตตะบังคับไปในชุมนุมโจร พระภิกษุไม่สะทกสะท้านอีกทั้งสนทนาโต้ตอบกันกับหัวหน้าโจรเรื่องเจ้าแม่กาลี จนในที่สุดหัวหน้าโจรพร้อมลูกน้องทั้งหมดเลื่อมใสยอมทิ้งอาวุธ ขอบวช รวมทั้งเรวัตตะ ด้วย ส่วนสุมังคละเศรษฐีเดินทางกลับบ้าน

พระเรวัตตะได้บวชเรียนรู้พระธรรมวินัยอยู่กับพระอาจารย์ 5 พรรษา สามารถพึ่งตนเองได้ จึงออกเดินทางธุดงค์รอนแรมขึ้นไปทางเหนือ ฉากชีวิตแห่งการร่อนเร่พเนจรเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว คืนหนึ่งในป่าแห่งหนึ่งใกล้กับเขาหิมาลัย ได้พบกับพ่อบังเกิดเกล้าในกระท่อมร้างอยู่คนเดียว แม่ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อรู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน ต่างก็กอดกันร้องไห้ เช้าวันใหม่พระเรวัตตะจึงพาพ่อเดินทางไปยังนคร สาวัตถี ให้พ่อบวชที่วัดเชตวันมหาวิหาร

วันหนึ่ง ณ ที่ศาลาวัดในเวลาฉันภัตตาหารเช้าที่มีพระสงฆ์นั่งเรียงตามลำดับ ท่ามกลางญาติโยมที่มาทำบุญ พระเรวัตตะนั่งอยู่ท้ายแถว ที่ใกล้กับญาติโยม เมื่อเงยหน้าขึ้นครั้งใดมักจะพบว่ามีหญิงสาวสวยคนหนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เป็นเธอนั่นเอง ลีลาวดี บัดนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวสวยงามหาที่ตำหนิมิได้ เธอดูสง่ามีราศี ต่อมาตอนเช้าพระเรวัตตะจึงเดินไปบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านลีลาวดีที่ตนเคยมาอาศัยอยู่ วันต่อมาลีลาวดีจึงนิมนต์ให้ฉันภัตตาหารบนคฤหาสน์ เมื่อซักถามจนแน่ใจว่าคือเรวัตตะตัวจริงแล้ว นางคฤหปตานีได้กราบขอโทษที่เคยทำไม่ดีไว้ในอดีต และเล่าว่าตอนนี้เหลือเพียง 2 คน ท่านสุมังคละเศรษฐีกลับมาจากค้าขายครั้งนั้นอยู่ได้ไม่น่นก็เสียชีวิต ส่วนกรรณิกา แต่งงานไปอยู่เมืองสาเกต ตั้งแต่นั้นมาลีลาวดีก็อุปถัมภ์พระเรวัตตะอย่างใกล้ชิดเรื่อยมา

วันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ไปที่วัดแล้วจับพระเรวัตตะถอดผ้าออกแล้วสวมชุดนักโทษให้แทนเนื่องจากสืบทราบว่าเป็นมหาโจรมาก่อน แล้วมัดมือมัดเท้าจับขึ้นบนหลังลาตระเวนประจานไปรอบเมือง ผ่านหน้าคฤหาสน์ของลีลาวดีซึ่งมองจากชั้นบนลงมาเห็น ลีลาวดีเรียกชื่อเรวัตตะแหวกฝ่าฝูงชนตามไปจนสลบ



ลีลาวดี สตรีผู้ก้าวไป

ช่วงที่ 2 ......รักนี้เพื่อเธอ


เมื่อลีลาวดีฟื้นขึ้นมาก็ขอร้องให้แม่ไปไถ่ตัวมาให้ได้ ขณะนั้นเขานำนักโทษไปฝังดินให้เหลือเพียงคอแล้วนำฟางมาล้อมจุดไฟเผาทั้งเป็น แม่ของลีลานำเงินมาจ้างผู้คุมการประหารในขณะที่ไฟกำลังลามไปใกล้จึงถึงตัวแล้ว เจ้าหน้าที่รีบไปลากตัวออกมาซึ่งขณะนั้นเรวัตตะสลบไปแล้ว พอฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่บนคฤหาสน์เห็นลีลาวดี จึงบอกว่าตอนนี้ตนเองยังเป็นพระอยู่ไม่ให้เข้าใกล้ แต่ชีวิตของตนเองเป็นของลีลาวดีแล้วอยากจะให้ทำอย่างไรก็จะทำตาม ลีลาวดีขอร้องให้ลาสิกขาออกมาคุ้มครองเธอและแม่ มาดูแลทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลที่มีอยู่ พระเรวัตตะสงสารที่ลีลาวดีมีรักมั่นคงต่อตนเองมาตลอด อีกทั้งช่วยเหลือเขาตั้งแต่ยังเป็นทาส บัดนี้ก็ชุบชีวิตให้อีก เขาเองก็รักลีลาวดีจนสุดหัวใจ ในใจนั้นได้ตัดสินใจที่จะมาครองคู่อยู่กับลีลาวดีแล้ว แต่ขอเวลา 3 วันจะกลับมาให้คำตอบ แล้วจึงกลับไปที่วัด ไปขอลาสิกขาบทกับพระอาจารย์
(ยังมีต่อ)   




ตอนที่ 2 (ต่อ)
พระอาจารย์จึงพาเดินทางไปผ่านหมู่บ้านชุมชนที่มีเสียงผัวเมียทะเลาะกัน ผ่าป่าช้าพบศพเน่าขึ้นอืดเหม็นมีหนอนเจาะชอนไช จึงบังเกิดความสลดสังเวชใจ พระอาจารย์แนะนำให้ไปอยู่ที่วัดอื่น พระเรวัตตะจึงออกเดินทางไปอยู่วัดบุพพาราม ห่างออกไปด้านทิศตะวันออกของสาวัตถี ติดกับแม่น้ำอจิรวดี โดยที่มิได้บอกใคร.........

........... วันเวลาผ่านไปนานหลายเดือน จนถึงฤดูฝน วันหนึ่งขณะที่พระเรวัตตะอยู่ในกุฏิหลังเล็กๆความคิดถึงลีลาวดีกลับคืนมาอีก แล้วอยู่ๆกลางดึก มีเสียงของลีลาวดีมาเคาะประตูเรียก เมื่อออกมาพบกันแล้ว ลีลาวดีจึงเล่าว่าแอบมาทั้งที่อันตรายเพื่อมาขอร้องให้ลาสิกขาไปแต่งงานอยู่ด้วยกันพูดจบแล้วเธอรีบกลับ พระเรวัตตะ เพิ่งจะทราบความจริงว่าหลังจากที่ตนหนีมาแล้วนั้น ลีลาวดีก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับสุวัฒนะกุมาร จึงรู้สึกสงสารมากอีกทั้งพอมีคู่แข่งก็มีใจสู้ขึ้นมา จึงกลับมาที่วัดเชตวัน เพื่อจะขอลาสิกขาบทกับพระอาจารย์ พระอาจารย์เทศนาให้กลับใจอย่างไรก็ไม่ฟัง ท่านจึงให้รออีก 2 วันค่อยกลับมาใหม่ พระเรวัตตะจึงกลับไปที่วัด บุพพาราม เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้รับจดหมายจากลีลาวดีว่า “ด้วยชีวิตนี้แม่ให้มา จึงขอกตัญญูตามที่แม่ต้องการ คือแต่งงานกับสุวัฒนกุมาร และขอให้ความรักที่มีต่อกันของสองเรานั้นสิ้นสุดลง” เพราะด้วยความรักมาก เมื่อความตั้งใจและความหวังพังทลาย ความผิดหวังจึงมีมาก จากรักจึงกลายเป็นเกลียดมาก ทุกข์ทรมานมาก ในที่สุดตัดสินใจออกเดินทางไปทางทิศตะวันออก อย่างไร้จุดหมายปลายทาง ฉากของชีวิตแห่งการร่อนเร่พเนจรเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พระเรวัตตะเดินทางผ่าหมู่บ้านน้อยใหญ่ อาศัยป่า ลำธาร โขดหินเป็นที่พำนัก ท่องเที่ยวไปเหมือนดั่งนกบินอย่างอิสระบนท้องฟ้า เหมือนปลาแหวกว่ายเล่นในทะเลกว้าง ได้ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยการนำธรรมโอสถแนะนำสั่งสอนผู้ตกยากตามคามนิคมน้อยใหญ่ เรื่อยไป
หลายวัน หลายเดือน หลายปีผ่านไป จนกระทั่งเดินทางมาถึงพระเวฬุวันและพักอยู่ในกุฏิหลังเล็กๆหลังหนึ่ง ต่อมาไม่นานพระมหาเถระเจ้าได้มอบหมายให้ปกครองดูแลสงฆ์ จนได้รับความศรัทธามากขึ้น
เย็นวันหนึ่งพระลูกวัดเข้ามารายงานว่ามีภิกษุณีแปลกหน้าเข้ามาถามหาพระอาจารย์ เธอชื่อลีลาวดี พระ เรวัตตะรู้สึกเสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ จึงบอกว่าไม่ยอมให้พบและจะไม่ยอมพบเป็นอันขาด ได้แต่รำพึงว่า
“ลีลาวดีเอ๋ย เธอได้สลัดหลวงพี่ทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใยแล้วแต่งงานกับสุวัฒนกุมาร เธอได้ขว้างดอกไม้แห่งความหวังของหลวงพี่ลงกับพื้นแล้วเอาเท้าเหยีบขยี้เสียอย่างไม่ปรานีจนหลวงพี่ต้องเนรเทศตัวเองจากกรุงสาวัตถี เธอจะมารื้อฟื้นความหลังอันขมขื่น ทำลายความสงบสุขของหลวงพี่ เธอจะมาคุ้ยเขี่ยแผลที่หัวใจของหลวงพี่ที่กำลังจะหายสนิทให้กำเริบขึ้นอีก ลีลาวดีเอ๋ย เธออย่าหวังว่าจะได้พบหลวงพี่อีกเลย.”
คืนวันต่อมามีเสียงเคาะที่ประตู เรวัตตะจึงถามว่าใคร “ลีลาวดีเจ้าค่ะจำเสียงลีลาวดีไม่ได้หรือเจ้าคะ”
“ลีลาวดีคนนั้นกำลังมีความสุขอยู่กับอ้อมแขนของสุวัฒนกุมาร เขาจะมาทำไมที่นี่”
“โธ่..น่าสงสาร..หลวงพี่ไม่รู้ความจริง หลวงพี่เข้าใจผิดหมด ลีลาวดีอุตส่าห์ออกบวชเป็นภิกษุณีติดตามหาหลวงพี่ก็เพื่อจะแถลงความจริงให้ทราบ”
“ฉันไม่อยากฟังความจริงจากเธอลีลาวดีเพราะความจริงนี่แหละฉันจึงต้องเนรเทศตัวเองออกจากกรุงสาวัตถี”
“ถ้าหลวงพี่รู้ความจริง จะไม่หนีออกมาแน่นอน”
“ไม่มีประโยชน์ดอกลีลาวดี…ขอให้กลับไปเดี๋ยวนี้”


• วัดศรีสุทธาวาส (วัดเลยหลง)

• การปฏิบัติธาตุกรรมฐาน๔ ในชีวิตประจำวัน - พระอาจารย์ต้น_09092018

• บรรยายธรรมแก่นักเรียน สอนนั่งสมาธิ โดย #พระอาจารย์ต้น #ธรรมนาวา #dhammanava ๒๒/๐๗/๒๕๖๕

• สเปรย์ฆ่าเชื้อหลานนายห้าง แอลกอฮอล์ 70%

• บทสวดทิพย์มนต์ [ต้นฉบับ] โดย ท่านพ่อลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

• ขอเชิญชวนชาวพุทธร่วมเดินทางไปกราบสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล

RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย