พอดีผมไปเจอหนังสือนิราศไต้หวัน ที่มีกลอนสอนใจคับ ผมเห็นว่าเพราะดี(มั้ง^ ^) เลยจะยกมาแนะนำคับ
โลกที่ร้อนจงหายคลายวิตก
ปืนที่พบต้องทำลายให้โลกเห็น
หยุดประหัตประหารผ่านลำเค็ญ
ขอโลกเป็นสีชมพูอยู่กลางใจ
ติชมได้เยยงับ ตามสบายเลย
อืม รู้สึกว่ามันเว่อร์ๆไงไม่รู้สิ แต่ก็ดีนะ
ใครแต่งเหรอครับ
อาจารย์นภาจรี นำเบญจพล เป็นผู้แต่งคับ
แค่นี้ หามาโดนๆๆกว่านี้หน่อยดิ
พยายามเข้า ทาเคชิ !
ได้เจ๋งกว่านี้ค่อยมาใหม่นะ
เป็นคำกลอนทีดีมากค่ะก็ขอให้ใจคนเป็นเช่นคำกลอนส่วนคำว่าสีชมพูอยู่กลางใจสีหวานที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอและอ่อนไหวขอเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนได้ไหมค่ะทำให้รู้สึกหวาน เรียบร้อย สดใส และก็พร้อมที่จะแข็มแข็งยืนหยัดไม่หวั่นไหวค่ะ
ดีค่ะ ได้อ่านอะไรที่ดูเบา ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
บังเกิดเป็น มิคสัญญี กลียุค
ไฟนรก โชนลุก ทุกข์เข็ญ
วิกฤตซ้ำ กรรมซัด วิบัติเป็น
เคยร่มเย็น กลับวุ่นวาย คล้ายโลกันต์
ข้าวเปลือกถูก ข้าวสารแพง น้ำตาลขม
ศ๊ลธรรมจม ทั้งหญิงชาย ร้ายโมหันต์
ทั้งสังคม กลับตั้งหน้า ฆ่าประจัญ
ฤา ถึงวัน สังคม จมอเวจี
ตรงประเด็น
5 กค 51
ขอ ร่วมเล่นกลอนครับ
สองพันห้า โลกาสิไหวหวั่น โลกสิเกิดเดือดฮ้อน คนสิแย่งแข่งกัน
เพิ่นกะเลยว่า
น้ำสิถ่วมฟ้า ปลากสิดาว ชุมประชาชาวเมือง สิเล่าตายเบิ้ดเกลี้ยง
หมายความว่า ถึงยุก๒๕๐๐ มานี้ ศีลธรรมจะตกต่ำลงมาก ต่างคนต่างเยื้อแย่งแข่งขันกันต่างเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการฆ่ากันตาย
อากาศที่ปรวนแปลง
อากาศในยามร้อนก็ย่อมร้อน
อากาศในยามเย็นก็ย่อมเย็น
อากาศในยามอบอุ่นก็ย่อมอบอุ่น
อากาศในยามฝนก็ย่อมมีฝน
ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอากาศได้นอกจากธรรมชาติของมันเอง
คนเราใครจะเปลี่ยนจิตนิสัยใจใครได้ถ้าเขาคนนั้นไม่เปลี่ยนจิตนิสัยที่ตนเอง