ทำไมต้องเป็เราที่เสียสละ

     

ทำไมต้องเป็นเราที่เสียสละ หนูเป็นลูกคนโตอายุ 24 ปี เพิ่งเริ่มเรียนป.ตรี มีพี่น้องสามคน ตอนนี้และที่ผ่านมาต้องดูแลย่า ไม่ว่าจะพาไปหาหมอ จัดยาให้กิน เรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ต่างๆ ย่ามีลูกชาย 4 คน ไม่มีใครสนใจย่าเลย ไม่เคยถามสารทุกข์สุขดิบย่าเลย ไม่เคยมาเยี่ยมย่าเลย ตอนนี้ย่าอยู่กับลูกคนที่ 4 ซึ่งก็เป็นพ่อของหนูเอง พ่อหนูก็ไม่ค่อยจะใส่ใจย่าซักเท่าไร...
หนูบอกให้เขาพาย่าไปหาหมอหน่อย เขาบอกว่าไม่ไปขี้เกียจไปนั่งรอ...มันเมื่อย ย่าอายุ ประมาณ82 มีโรคประจำตัวด้วย หลายโรค หนูเบื่อที่ต้องดูแลย่า ก่อนหน้านี้ตอนที่ปู่ยังอยู่ก็เป็นหนูดูแลจนกระทั่งปู่เสียชีวิต หนูมีความรู้สึกว่าทำดีเท่าไรก็ไม่เพียงพอ ย่าไม่เคยดีกับหนูอย่างจริงใจ เวลาหนูทำความผิดอะไรมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือ เรื่องใหญ่ ย่าจะซ้ำเติมทันทีแถมยังพูดให้ร้ายไปในทางเสียๆหายๆอีกด้วย และย่าก็เป็นคนชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของหนู และก็คนในบ้านด้วย ชอบเปิดดูห้องนอน ก็ไม่รู้จะเปิดดูทำไม... ย่าเคยพูดว่าหนูดีกับเขา..เหตุที่พูดแบบนั้นก็เพราะตอนนี้ย่าไม่เหลือใครที่สนใจย่าแล้ว...คนที่ย่ารักมากที่สุดหวังจะฝากผีฝากไข้ในยามแก่ชราก็กับไม่สนใจใยดีย่าเลย แต่บางครั้งหนูก็สงสารเขาก็อดไม่ได้ก็ต้องดูแลเขา...เพราะไม่มีใครสนใจ สรุปก็คือหนูดูแลเขามากที่สุด ดูแลมากกว่าลูกแท้ๆของเขาเสียอีก
จะมีวิธีที่ทำให้หนูไม่คิดแบบนี้อีกมั้ยคะ หนูทราบนะคะว่าการที่คนเราทำดีกับใครโดยไม่ออกมาจากใจเนี่ยมันไม่ดี...
ปัญหานี้มันเกิดขึ้นมานานแล้ว..จนปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ พอหนูรู้ตัวคิดได้ก็เลิกคิดแบบนั้น แต่พอไม่นานก็กลับมาคิดแบบเดิมอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอด
ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรของหนูที่จะต้องมาเจอสภาพแบบนี้

(เหตุที่หนูเพิ่งเริ่มเรียนป.ตรี เพราะหนูต้องออกมาช่วยพ่อแม่ดูแลสวน ที่บ้านมีอาชีพเกษตรกรรม ต้องเสียสละให้น้องเรียนป.ตรีก่อน และก็ต้องมาดูแลปู่กับย่าด้วย )   




..........ศาสนพุทธสอนให้ทำความดี เพราะทุกๆครั้งที่เราทำความดีเราได้ซักฟอกหรือชำระกิเลสออกไปจากใจ ได้ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น แต่การทำความดีแล้วเพ่งเล็งผลหรือเร่งผลว่าเมื่อไรผลการทำความดีจะตอบแทนเราเสียที อันนี้เป็นอกุศลคือความโลภที่มักเข้ามาแอบแฝงอยู่ในใจทำให้ความดีที่ทำไม่บริสุทธิ์ผลที่จะได้ก็ไม่สมบูรณ์ ยิ่งเราเร่งเพ่งเล็งให้กรรมดีให้ผลแต่ก็ยังไม่เห็นผลสักทีก็ยิ่งทำให้เป็นทุกข์ แล้วทำให้กรรมดีของเรามีน้ำหนักลดลงเพราะทำด้วยความจำใจเจตนาในการทำกรรมดีก็มีกำลังอ่อน

.........เรื่องการให้ผลของกรรมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย (ดูเรื่องกรรม๑๒ => http://www.geocities.com/metharung/kram12.htm ) เมื่อถึงเวลาสุกงอมแล้วกรรมย่อมจะให้ผลเองเร่งไม่ได้ การที่เรายังลำบากหรือกรรมดียังไม่ให้ผลอาจเป็นเพราะเรายังมีต้นทุนบุญกุศลน้อยสมควรต้องเร่งสะสมความดีให้มากๆจะได้เบียดเบียนอกุศลวิบากให้มีน้ำหนักเบาบางลง หรืออาจเป็นเพราะในอดีตทำความดีด้วยเจตนาที่มีน้ำหนักน้อยไม่ได้ทำดีด้วยความตั้งใจเต็มใจ100%เป็นต้น การที่เราจะทำความดีได้อย่างมีความสุขก็ควรทำดีเพื่อมุ่งชำระขัดเกลาจิตใจตนเองมุ่งเพื่อยกระดับจิตใจตนเอง ก็จะทำให้เราทำความดีด้วยความตั้งใจและเต็มใจทำก็จะเป็นกรรมดีที่สมบูรณ์แบบมีผลของกรรมก็จะมีกำลังแรง จะได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย

.........การที่คุณทำดีกับคุณย่าโดยส่วนลึกแล้วท่านก็ต้องมีความรักคุณแน่ ลองดูใหม่น๊ะ!ครับทำดีกับท่านโดยเต็มใจและตั้งใจไม่ต้องนึกน้อยใจหากท่านดุด่าว่ากล่าวบ้าง และต้องอดทนที่จะไม่โต้เถียงหรือใช้อารมณ์กับท่าน ทำไปสักระยะหนึ่งแล้วลองสังเกตดูว่าท่านจะมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นหรือไม่ ผมเชื่อว่าถ้าคุณทำความดีกับคุณย่าด้วยความรักจะทำให้ท่านรู้สึกเกรงใจคุณมากขึ้นจะดุด่าว่ากล่าวจะลดลงบางทีก็อาจมองข้ามความผิดเล็กๆน้อยๆไป......แทนที่จะคอยจับผิดเหมือนก่อน

..................ขอให้มีความสุขกับการทำความดีเพื่อความดี.............


• ขออวยพรปีใหม่ 2555

• "ศีลนำสุขมาให้ตราบเท่าขรา" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

• ทุกข์ในอริยสัจ

• เพลงนั่งสมาธิ 5 นาที ดนตรีบรรเลงสบายๆ (นั่งสมาธิ)

• สอนลูกมองโลก

• "ผู้รับผลกรรม" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย