ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดพทิรการาม เมืองโกสัมพี
ทรงปรารภพระราหุลเถระ ผู้ใคร่ต่อการศึกษา
เรื่องมีอยู่ว่า สมัยนั้น พระพุทธองค์ได้เสด็จไปประทับอยู่ในอัคคาฬวเจดีย์
เมืองอาฬวี มีอุบาสกอุบาสิกา ภิกษุและภิกษุณีจำนวนมาก
ไปฟังธรรมทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อฟังธรรมเสร็จสิ้นแล้ว
ภิกษุที่เป็นพระเถระก็พากันไปยังที่พักของตน
ส่วนภิกษุหนุ่มและอุบาสกพากันนอนที่โรงฉัน
พอเข้าสู่ความหลับมีภิกษุบางรูปนอนกรน บางรูปนอนกัดฟัน
ก่อความรำคาญให้แก่พวกอุบาสก พวกเขาพากันนอนครู่เดียวจึงลุกขึ้นหนีไป
วันต่อมา พวกอุบาสกกราบทูลเรื่องนี้แด่พระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์จึงได้ทรงบัญญัติสิกขาบทว่า "
ก็ภิกษุใด นอนร่วมกับอนุปสัมบัน ภิกษุนั้น
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ " แล้วเสด็จไปยังเมืองโกสัมพี
ก่อนมีสิกขาบทนี้ สามเณรราหุล มักจะได้รับการสงเคราะห์จากภิกษุให้พักร่วมกุฏิเสมอ
เมื่อพระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทนี้แล้ว
จึงไม่มีภิกษุรูปใดอนุเคราะห์แก่เธอ สร้างความเดือดร้อนแก่สามเณรราหุล
ท่านจึงเลือกไปอาศัยที่เวจกุฎี (ส้วม) ของพระพุทธองค์เป็นที่อยู่อาศัยแทน
ครั้นรุ่งเช้า
พระพุทธองค์ เสด็จมาถึงเวจกุฎีแล้วไอขึ้น
สามเณรราหุลก็ไอขึ้นเช่นกัน พระพุทธองค์จึงทรงทราบความเดือดร้อนเพราะการบัญญัติสิกขาบทนี้
ทรงดำริถึงคราวต่อไปเมื่อสามเณรมีมากขึ้น
จะให้ภิกษุปฏิบัติเช่นใด จึงตรัสเรียกประชุมสงฆ์แต่เช้าตรู่
แล้วทรงทำอนุบัญญัติสิกขาบทนี้ว่า "
ตั้งแต่นี้ไป ท่านทั้งหลาย จงให้อนุปสัมบันอยู่ในที่พักของตนได้สองวัน
ในวันที่สามให้อยู่ภายนอกเถิด "
ต่อมาเย็นวันหนึ่ง
พวกภิกษุสนทนากันถึงเรื่องสามเณรราหุลเป็นผู้ตั้งอยู่ในโอวาท
เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา พระพุทธองค์จึงได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเนื้อสองพี่น้องคู่หนึ่ง มีบริวารแวดล้อมมาก
อยู่ในป่าใกล้เมืองราชคฤห์ วันหนึ่ง เนื้อผู้น้องสาวนำเนื้อลูกชายมาฝากให้ศึกษามารยาทของเนื้อกับพี่ชาย
เนื้อผู้หลานชาย ได้ศึกษามารยาทของเนื้อกับลุงจนหมดสิ้น
วันหนึ่ง ออกหากินในป่าติดบ่วงนายพราน จึงร้องบอกหมู่เนื้อให้หนีไปบอกมารดา
ส่วนมารดารีบไปบอกพี่ชายด้วยความห่วงใย พี่ชายจึงพูดปลอบใจว่า
"
น้องหญิง พี่ให้เนื้อหลานชาย ผู้มีกีบเท้า
๘ กีบ เรียนท่านอน ๓ ท่า
เรียนมีเล่ห์กลมารยาหลายอย่าง
และการดื่มกินน้ำในเวลาเที่ยงคืน
เนื้อนั้น
เมื่อหายใจทางจมูกข้างที่แนบติดอยู่กับพื้นดิน
ก็จะลวง
นายพรานได้ด้วยอุบาย
๖ ประการ "
เล่ห์กลลวงนายพรานด้วยอุบาย
๖ ประการ คือ
๑.
นอนตะแคงเหยียดเท้าทั้ง ๔
๒.
ใช้กีบเท้าตะกุยหญ้าและดินร่วน
๓.
ทำลิ้นห้อยออกมา
๔.
ทำให้ท้องพองขึ้น
๕.
ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะออกมา
๖.
กลั้นลมหายใจไว้
ฝ่ายเนื้อผู้หลานชาย ได้แสดงอาการทำทีเป็นตายแล้ว
มีแมลงวันหัวเขียวบินตอมตัวว่อน นายพรานพอเห็นอาการเช่นนั้นเข้าใจว่าเนื้อตายแล้ว
เลยแก้เชือกผูกเนื้อออก หวังจะแล่เนื้อในที่นั้น
เดินหักใบไม้ไปมา ฝ่ายเนื้อได้โอกาสจึงลุกขึ้นวิ่งหนีกลับมาได้
ด้วยความปลอดภัย
|