ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง มรณภาพเพราะถูกงูกัด
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธการ ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นฤาษีบำเพ็ญสมาบัติอยู่ที่คุ้งแม่น้ำแห่งหนึ่งในป่าหิมพานต์
มีฤาษีหลายร้อยตนเป็นบริวาร ณ ที่ฝั่งแม่น้ำนั้น
มีงูนานาชนิดอาศัยอยู่ งูได้กัดฤาษีเสียชีวิตไปหลายตน
พระโพธิสัตว์ทราบเรื่องนั้นแล้วจึงพูดให้โอวาทคณะฤาษีว่า
"ท่านทั้งหลาย..หากพวกท่านเจริญเมตตาให้ตระกูลพญางูทั้ง
๔ งูทั้งหลายก็จะไม่กัดพวกท่านหรอก"
แล้วกล่าวคาถาว่า
"ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูวิรูปักขะ
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูเอราปถะ
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูฉัพยาปุตตะ
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูกัณหาโคตมะ"
และกล่าวคาถาที่
๒ ว่า
"ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์ที่ไม่มีเท้า
ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์ ๒ เท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์
๔ เท้า ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับสัตว์ที่มีเท้ามาก"
พระโพธิสัตว์เมื่อจะแสดงธรรมด้วยการขอร้อง
ได้กล่าวคาถาว่า
"ขอสัตว์ที่ไม่มีเท้า
สัตว์ที่มี ๒ เท้า สัตว์ที่มี ๔ เท้า สัตว์ที่มีเท้ามาก
อย่าได้เบียดเบียนเราเลย"
เมื่อจะแสดงการเจริญเมตตาโดยไม่เจาะจงได้กล่าวคาถาว่า
"ทั้งมวลจงพบกับความเจริญ
ความชั่วช้าอย่าได้มาแผ้วพานสัตว์ตนใดตนหนึ่งเลย"
เพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
จึงพูดว่า
"พระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ มีพระคุณหาประมาณมิได้บรรดาสัตว์เลื้อยคลาน
คือ งู แมลงป่อง ตะขาบ แมลงมุม ตุ๊กแกและหนู
มีคุณหาประมาณได้"
เพื่อแสดงกรรมที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น
ได้กล่าวคาถาว่า
"เราได้ทำการรักษา
ทำการป้องกันไว้แล้ว ขอสัตว์ทั้งหลายผู้มีชีวิตจงพากันหลีกไป
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอนอบน้อมพระสัมพุทธเจ้าทั้ง
๗ พระองค์"
ตั้งแต่นั้นมา
คณะฤาษีได้เจริญเมตตารำลึกถึงพระพุทธคุณงูทั้งหลายต่างก็หลบหนีไปอยู่ที่อื่น
|