อัญเชิญพระทันตธาตุจากภูฏานประดิษฐานสนามหลวง
เวลา 16.40 น. วันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ คณะสงฆ์ ข้าราชการ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทั่วไป ร่วมพิธีอัญเชิญพระทันตธาตุจากราชอาณาจักรภูฏาน ประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในราชอาณาจักรไทย เฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา
โดยมีน.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้อนรับคณะผู้แทนรัฐบาลราชอาณาจักรภูฏานผู้อัญเชิญพระทันตธาตุ ประกอบด้วยนายเดโช ซังเก วังชุก องค์คมนตรี ผู้แทนสมเด็จพระราชาธิบดีราชอาณาจักรภูฏาน และซัมเตน ดอจิ จูกลา โลเปน หัวหน้าคณะผู้อัญเชิญพระทันตธาตุ
จากนั้นอัญเชิญพระทันตธาตุประดิษฐานเข้าพัก ณ ห้องรับรองพิเศษ ก่อนอัญเชิญพระทันตธาตุประดิษฐานขึ้นรถบุษบกอัญเชิญออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ โดยขบวนรถเดินทางไปบริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนินนอก ในช่วงดังกล่าวขบวนปรับเป็นให้รถวิ่งช้า มีวงโยธวาทิตบรรเลงนำหน้าขบวน ส่วนบริเวณสองฟากถนนมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมถวายสักการะพระทันตธาตุ
ทั้งนี้ คณะสงฆ์ คณะรัฐมนตรี และคณะทูตานุทูตจากประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา รวมทั้งคณะกรรมการจัดงานและพุทธศาสนิกชน ต้อนรับขบวนอัญเชิญพระทันตธาตุที่เดินทางถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เวลา 18.30 น. นพ.สุรวิทย์ อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนบุษบกและถวายสักการะหน้าบุษบกที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ โดยมีพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เป็นเสร็จพิธี
น.พ.สุรวิทย์กล่าวว่า ตามที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคลเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฎานเสด็จฯ ไทย เมื่อเร็วๆ นี้ พระองค์รับสั่งต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าราชอาณาจักรภูฎาน มีความเต็มใจที่ให้ประเทศไทยได้อัญเชิญพระทันตธาตุของพระกัสสปะพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 ประดิษฐานประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ให้ประชาชนชาวไทยมีโอกาสสักการะเป็นสิริมงคลกำลังใจ
เนื่องในปีแห่งมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ประชาชนชาวไทยมีกำลังใจที่เข้มแข็งในภาวะที่ประเทศไทยได้รับภัยพิบัติจากอุทกภัยครั้งใหญ่ไปได้ พระทันตธาตุองค์นี้ได้เก็บรักษาไว้ในพระบรมมหาราชวังแห่งภูฏาน ยังไม่เคยได้รับให้นำออกไปต่างประเทศ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้อัญเชิญจากประเทศภูฏานมาประดิษฐานในประเทศไทย นับเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ราชวงศ์ไทยกับภูฏาน ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจะได้สักการะพระทันตธาตุ