ความเร็วของพญาหงส์ ( ชวนหังสชาดก )
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารถพระเทศนาทัฬหธัมมนนุคคหสูตร ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นชวนหงส์ มีหงส์บริวาร ๙๐,๐๐๐ ตัว อาศัยอยู่ภูเขาจิตตกูฏ วันหนึ่ง ชวนหงส์บริวารไปกินข้าวสาลีเกิดเองในสระแห่งหนึ่งอิ่มแล้ว ตอนเย็นก็พากันบินกลับภูเขาจิตตกูฏผ่านเมืองพารณสีไป ขณะนั้นพระราชาเมืองพารณสีทอดพระเนตรเห็นชวนหงส์บินนำหน้าฝูงหงส์ไป จึงตรัสแก่อำมาตย์ว่า "หงส์ตัวนั้นคงจะเป็นราชาหงส์เช่นเดียวกับเราเป็นแน่" เกิดความรักในพญาหงส์นั้นทรงถือดอกไม้่ของหอมแล้วให้ประโคมดนตรี
พญาหงส์เหลือบเห็นพระราชายืนทอดพระเนตรตนอยู่ จึงถามฝูงหงส์ว่า "พระราชาทรงทำสักกาะรพวกเราด้วยมีพระประสงค์อะไร" เมื่อฝูงหงส์ตอบว่า "ทรงมีพระประสงค์มิตรภาพกับพระองค์พระเจ้าข้า" ก็ทำมิตรภาพกับพระราชาแล้วก็บินหนีไป อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาเสด็จไปสวนหลวง ฝ่ายชวนหงส์บินไปสระอโนดาต ใช้ปีกข้างหนึ่งนำน้ำ อีกข้างหนึ่งนำผงมาโปรยใส่พระราชา แล้วบินกลับภูเขาจิตตกูฏ ตั้งแต่วันนั้นมาพระราชาเฝ้าแต่คิดถึงชวนหงส์ ดำริว่า "สหายของเราจะมาวันนี้ ๆ "
สมัยนั้น ชวนหงส์มีน้องอีกสองตัว พวกมันปรึกษากันจะบินแข่งกับพระอาทิตย์ ถูกชวนหงส์ห้ามไว้ก็ไม่ฟัง เช้าตรู่วันหนึ่งพวกมันพากันไปจับอยู่ยอดเขายุคันธร เมื่อชวนหงส์ไม่เห็นน้องทั้งสองจึงติดตามไปที่ยอดเขายุคันธรด้วย พอดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นไปเท่านั้น หงส์ทั้งคู่ก็บินถลาขึ้นไปกับดวงอาทิตย์นั้น ชวนหงส์ก็บินไปกับน้องชายทั้ง ๒ ด้วย
น้องเล็กบินแข่งไปได้นิดเดียวเพียงเวลาสายก็อิดโรยบินไปไม่ไหว ชวนหงส์จึงนำไปส่งไว้ที่ภูเขาจิตตกูฏมอบให้ฝูงหงส์ดูแลแล้วบินกลับไปทันน้องกลาง น้องกลางบินไปได้เวลาเที่ยงก็อิดโรยบินต่อไปไม่ไหว ชวนหงส์ก็นำเขาไปภูเขาจิตตกูฏตามเดิมขณะนั้นดวงอาทิตย์อยู่กลางฟ้าพอดี ชวนหงส์คิดอยากลองกำลังของตนเอง ใช้เวลาบินรวดเดียวไปจับที่ยอดเขายุคันธรแล้วบินรวดเดียวมาที่ดวงอาทืตย์ บินไปกับดวงอาทิตย์ บางคราวอยู่หน้า บางคราวอยู่หลังดวงอาทิตย์ เห็นว่าไม่มีประโยชน์จึงบินไปเมืองพาราณสี เพื่อไปพบพระราชา จับอยู่ที่สีหบัณชร (หน้าต่าง)
พระราชาทราบว่าหงส์ผู้สหายมาถึงแล้ว รับสั่งให้ตั้งตั่งทองให้พญาหงส์จับและตรัสว่า "พญาหงส์ ดีใจที่ท่านมา ในพระราชวังนี้ มีสิ่งใดที่ท่านรังเกียจโปรดบอกด้วย สหาย.. มาลำพังผู้เดียวท่านไปไหนมาเล่า"
พญาหงส์จึงเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง พระราชาต้องการทอดพระเนตรความเร็วของพญาหงส์ จึงตรัสให้พญาหงส์แสดงให้ดูพญาหงส์รับคำว่า "ถ้าแข่งความเร็วกับดวงอาทิตย์นั้นก็คงจะแสดงไม่ได้แล้วละ เพราะดวงอาทิตย์จะตกดินแล้ว ขอเชิญพระองค์ให้นายขมังธนู ๔ นายมาประชุมกันเถิด ข้าพเจ้าจักแสดงให้ดู"
พระราชามีรับสั่งให้นายขมังธนู ๔ นายหันหน้าไปคนละทิศแล้วยิงลูกศรไปทิศทั้ง ๔ ในเวลาพร้อมกัน มีพญาหงส์จับอยู่บนยอดเสาศิลา บินตามเก็บลูกศรที่ถูกยิงออกไปทิศทั้ง ๔ พร้อมกันโดยไม่ให้ตกลงพื้นดินแม้สักลูกเดียว พญาหงส์ปล่อยลูกธนูทิ้งไว้ที่เท้าของนายขมังธนูแล้วจับบนยอดเสาศิลาตามเดิม
พระราชาทรงชมเชยว่า "สหาย.. ความเร็วอย่างอื่นที่รวดเร็วกว่าท่านมีอยู่อีกหรือ ?" พญาหงส์ทูลว่า "อายุสังขารของสัตว์นั้นไงย่อมสิ้นสลายเร็วกว่าความเร็วของข้าพเจ้าตั้งร้อยเท่าพันทวี"
พระราชาพอฟังจบเกิดการกลัวตายได้เป็นลมล้มหมดสติไป พวกอำมาตย์เอาน้ำสรงพระพักตร์ให้พระราชาทรงฟื้นคืนสติกลับมาพญาหงส์ให้โอวาทพระราชาว่า
"ขอเชิญพระองค์เจริญมรณสติอย่าประมาทประพฤติธรรมเถิด"
พระราชาอ้อนวอนให้พญาหงส์อยู่ด้วยว่า "ฉันไม่อาจจะอยู่แยกจากท่านได้ ท่านเป็นที่รักของฉัน ขอเชิญท่านอยู่ด้วยกันกับฉันเสียที่นี่เถอะ"
พญาหงส์ "เกิดพระองค์เมาน้ำจัณฑ์รับสั่งให้ย่างข้าพเจ้าเข้าสักวันจะทำอย่างไรละ"
พระราชา "เอาเถอะถึงฉันจะชอบดื่มน้ำจัณฑ์ เมื่อท่านเข้ามาอยู่ในวัง ฉันจะเลิกดื่มน้ำจัณฑ์ก็ได้"
พญาหงส์ "จิตใจมนุษย์รู้ได้ยาก การอยู่ด้วยกันนานเกินไปคนรักกันก็กลายเป็นคนไม่รักกันได้ข้าพเจ้าขอลาท่านไปก่อนที่ท่านจะกลายเป็นคนไม่มีความรักในข้าพเจ้าจะดีกว่า"
พระราชา "ถ้าไม่ได้จริง ๆ เราขอให้ท่านรับปากอย่างหนึ่ง คือ หมั่นมาหาเราที่นี่บ่อย ๆ นะ"
พญาหงส์ "ถ้าพวกเราอยู่กันอย่างนี้พวกเราก็จะไม่มีอันตราย ข้าพเจ้ารับปากท่านว่า เราพบกันแน่ในคืนวันพรุ่งนี้กล่าวจบก็บินกลับภูเขาจิตตกูฏไป สหายทั้งสองต่างไปมาหาสู่กันจนตราบสิ้นชีวิต
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : กำลังความเร็วของอายุของสรรพสัตว์รวดเร็วยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ในโลก ขออย่าได้ประมาทเถิดท่านทั้งหลาย
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม