การแต่งตั้งโฆษกทำหน้าที่ประกาศข่าวทางศาสนา - หลวงพ่อพระมหาประกอบ ธมฺมชีโว


<
นัยของพระธรรมเทศนา เกี่ยวเนื่องกับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศ
ให้เป็นผู้ประกาศหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นโฆษก
อย่างในสมาคมหนึ่งชมรมหนึ่งพรรคหนึ่ง หรือกรม ๆ หนึ่งก็จะมี
ผู้ประกาศเขาเรียกว่าผู้เป็นโฆษก อย่างเช่นโฆษกมหาเถรสมาคม
โฆษกรัฐบาล โฆษกชมรม โฆษกประกาศทางโทรทัศน์ทางวิทยุ
บุคคลเหล่านี้เขาเรียกว่าเป็นผู้รับผิดชอบกับการ ประกาศสำคัญนะเป็นโฆษก
เป็นพิธีกร เป็นผู้ลำดับเหตุการณ์เพื่อชี้แจงให้มาร่วมงานหรือคนอื่น ๆ ได้ทราบ
ถึงจุดประสงค์ของการทำกิจกรรม หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
พรรคนั้นคณะนั้นให้โฆษกเป็นผู้ประกาศประชาสัมพันธ์ หรือเป็นผู้ให้ข่าว
แต่ลักษณะในปัจจุบันเขาเรียกว่าเป็นผู้ให้ข่าว มอบหน้าที่ให้ภิกษุหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
เป็นผู้ให้ข่าว ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็เป็นโฆษก ใคร ๆ ก็เป็นผู้ประกาศได้
ถ้ายิ่งประกาศทางสถานีวิทยุหรือโทรทัศน์ก็ต้องมีการอบรมมีใบประกาศจึงจะสามารถประกาศได้
นัยของพระธรรมเทศนาสิกขาบทที่ 9 มุสาวาทวรรค
ปาจิตตีย์ที่กล่าวถึงภิกฺษุนำอาบัติชั่วหยาบไปบอกอนุปสัมบัน หรืออธิกรณ์ที่เกิดขึ้น
เป็นหน้าที่ของสงฆ์ที่จะต้องช่วยกันโจทย์ ช่วยกันตักเตือน ช่วยกันจัดการ
เป็นภายในของสงฆ์ที่จะต้องจัดการ ในการบริหารจัดการว่าภิกษุรูปนี้อาบัติหนักอาบัติเบา
จะต้องโจทย์กัน โจทย์กันด้วยความปราถนาดี มุ่งหวังจะให้เกิดความสงบให้เกิดผลดี
กับบุคคลผู้ที่ทำผิดเพื่อที่จะได้แก้ไข เพราะถือว่าความผิดนั้น สามารถที่จะแก้ไขได้
แต่แก้ไขภายในหมู่คณะ ที่อยู่ร่วมกันเพื่อไม่ให้เป็นผลกระทบออกไปภายนอก
ดังนั้นกิจของสงฆ์ เมื่อกิจของสงฆ์เกิดขึ้น สงฆ์จึงจะต้องช่วยกัน อธิกรณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการต้องอาบัติต่าง ๆ นี้ มันมีการโจทย์ที่จะต้องโจทย์กันในคณะ
โจทย์กันในหมู่สงฆ์ที่อยู่ร่วมกันเช่นต้องขอโอกาส
ในการโจทย์ ส่วนมีเหตุที่กล่าวถึงว่า พระอุปนันทะ ต้องอาบัติแล้ว
ท่านขอโอกาสต่อสงฆ์แล้วขออยู่ประพฤติปริวาสหรือ ประพฤติมานัต ก็เรียกว่าอยู่กรรม
ภิกษุฉัพพัคคีย์ มีความบาดหมาง พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ถูกกันนั้นแหละ
เพื่อที่จะให้พระอุปนันนั้นได้รับความอับอาย
หรือเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง
เพราะพระอุปนันเนี้ยเป็นภิกษุผู้มีบทบาท
เกี่ยวกับการบัญญัติสิกขาบทนี้เยอะไม่น้อยแหละ
และเป็นผู้มีความสามารถในการอธิบายขยายเนื้อความธรรมะ
มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทีเดียว
เมื่อประพฤติผิดพลาดพลั้ง ท่านก็ชำระตัวเอง
แต่ภิกษุฉัพพัคคีย์ เอาจุดนี้มากล่าวให้อนุปสัมบัน ก็หมายถึงญาติโยมที่รู้จักกับท่านนั้นแหละ
เพราะว่าจะได้เหมือนกับเป็นการก่อให้เกิดความหน่ำใจที่แค้นมานาน หรือว่าโกรธมานาน
ก็เป็นผลเสียต่อศรัทธา ศรัทธาที่เขาศรัทธาเลื่อมใส บางคนบางท่านอาจจะยอม บางคนบางท่านอาจจะรับไม่ได้
นี่แหละคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าพระองค์ตระหนักถึงการคุ้มครองป้องกันดูแลภิกษุสงฆ์
ดูแลหมู่ดูแลคณะ เพื่อให้อยู่ร่วมกันช่วยกันแก้
ไม่ใช่ช่วยกันโพนทนา ไม่ใช่ช่วยกันเหยียบย้ำทำลาย เพราะข้อผิดพลาดพลั้งเผลอ
ด้วยความเป็นปุถุชนมีกิเลสตัณหาอุปาทาน ก็เกิดขึ้นได้ เมื่อมุ่งมั่นต่อการที่จะประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรม
ก็แก้ไข ก็จะกลายเป็นคนดีขึ้นมาตามหลักพระวินัยที่ทรงบัญญัติไว้
ทีนี้มันมีข้ออยู่ข้อหนึ่งที่ว่าเว้นไว้แต่ได้สมมุติ
อัญญัตระ สัมมา ปาจิตติยัง เว้นไว้แต่ได้สมมุตินี่แหละ คือภิกษุผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสงฆ์
ว่าให้เป็นผู้รับผิดชอบในการบอกข่าว เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นวัดใดวัดหนึ่ง
พระทะเลาะกันพระทำร้ายร่างกายกัน พอเป็นข่าวขึ้นมาทีนี้พวกหาข่าวมันก็หาข่าวแหละ
เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวทางโทรทัศน์หรือร่ำลือกันไป ก็มาถามแหละ
รู้จักองค์ไหนก็ไปถามองค์นั้น ภิกษุเหล่านั้นถ้าเห็นแก่หมู่แก่คณะก็จะไม่ได้ให้คำตอบตามความเหตุของตน
หรือจะไม่วิเคราะห์ไม่วิจัยไม่วิจารย์ ถือให้เป็นหน้าที่ของภิกษุผู้ได้รับมอบหมายจากสงฆ์
ว่าให้เป็นผู้ให้ข่าว เขาเรียกว่าโฆษก เนี้ย ๆ ตัวสำคัญ ฉะนั้นคำว่าโฆษกเหมือนกับเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้น
เหมือนมหาเถรสมาคมก็ต้องไปถามโฆษกมหาเถรสมาคม
จะแถลงข่าว เป็นผู้แถลงข่าวเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ หรือโฆษกรัฐบาล แถลงข่าวผลงาน
หรือข้อข้องใจต่าง ๆ ที่คณะรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ เป็นหน้าที่ของโฆษกที่จะต้องให้ข่าว
คนอื่นไม่ควร ที่จะไปทำหน้าที่ เพราะไม่ได้รับมอบหมายคณะสงฆ์
ก็เหมือนกันที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติข้อเหล่านี้ไว้เยอะนะ เรียกว่า อัญญัตระ สัมมะทิยา เนี้ย
เว้นไว้แต่ได้สมมุติ คำว่าสมมุตินั้นแหละคือ เว้นไว้แต่ได้รับความเห็นชอบจากหมู่จากคณะ จากคณะสงฆ์ว่าให้ทำหน้าที่ประกาศนะ ประกาศให้ทราบว่านิภิกษุรูปนี้ กำลังประพฤติมานัตอยู่
แต่ว่ามีข้อจำกัดว่าประกาศแบบไหนละ ?
ประกาศให้หมู่คณะสงฆ์ด้วยกันทราบ ประกาศให้ญาติโยมทราบเวลามี
กิจกรรมมาประชุมกัน หรือว่ามีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการใช้พื้นที่ก็ต้องกั้นไว้ว่าพื้นที่นี้เป็นเขตปาริวาส
เขตนี้เป็นเขตประพฤติมานัต
ภิกษุผู้เป็นเจ้าหน้าที่ให้ข่าวหรือประชาสัมพันธ์ หรือว่าโฆษกนี้ต้องประกาศด้วยอักษร
เขียนประกาศก็ได้ ประกาศด้วยเสียงก็ได้
บอกด้วยวาจา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกันและกัน
มันก็เหมือนกับว่าเห็นคนหนึ่งเห็นคนหนึ่งกำลังเดือดร้อน คนหนึ่งกำลังตกน้ำ
คนหนึ่งกำลังไข้กำลังป่วยนิแหละ จะนิ่งเฉยดูดายไม่ได้แหละ
จะต้องช่วยกันเป็นหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันเพราะว่าการออกจากอาบัติ ก็มีหลายรูปแบบอย่างที่เราทราบ
ปลงอาบัติพระวัดไหนปลงกับบุคคลไหนอย่างไร ปลงกับคณะอาบัติไหนต้องอาศัยสงฆ์เท่านั้น
ถึงจะปลดเปลื้องได้ ดังนั้นสงฆ์จะต้องช่วยกันเพื่อให้เกิดแนวทางการประพฤติปฏิบัตถูกต้องดำเนินไปสู่เป้าหมายต่อมรรคต่อผล ฉะนั้นพระบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัตินี้ เพื่อคุ้มครองหมู่คณะ
ให้อยู่ด้วยกันได้อย่างสันติสุข ผู้คิดที่จะให้เกิดความเสียหายนิ ถือว่าไม่ระมัดระวังไม่สำรวม
เหมือนกับที่พอคนนั้นผิดพลาดปั๊บก็เอาไปโฆษณาว่ากันไปด่ากัน ไปเขียนตำหนิติเตียน
ให้ออกข่าว ๆ นั้นแหละคือไม่ใช่หน้าที่ไม่ใช่หน้าที่ที่พระพุทธเจ้าพึงประสงค์เลย ฃ
มีแต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหมู่ต่อคณะ เราจะเห็นได้ถึงพระประสงค์อันเลอเลิศ
ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงประทานหลักเหล่านี้เอาไว้ เพื่อให้เป็นคุณเป็นประโยชน์กับกุลบุตรผู้มุ่งมั่นตั้งใจ บางทีบางคนพอได้ยินหรือประพฤติแล้วปฏิบัติแล้ว มันผิดพลาดหมู่คณะก็ไม่ช่วยอย่างนี้
มีแต่จะซ้ำเติม มีแต่จะตะเพิดกันอย่างนี้
ไป ๆ มา ๆ ก็เสียคนไปก็มีนะ กลายเป็นคนเห็นผิดกลายเป็นคนชั่วหนักเข้าไปกว่าเก่าก็มี
ดึงไม่กลับเลยก็มี บางทีก็เปลี่ยนลัทธิเปลี่ยนศาสนาเปลี่ยนศาสดาไปเลยก็มีลักษณะนี้ก็น่าสงสาร
ดังนั้นการมีเมตตา ความปราถนาดีต่อกันจึงเป็นสิ่งที่ดีงาม ก็หมายถึงการประพฤติปฏิบัติตามหลักที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ในพระวินัยทั้งนั้นเลยแหละ ฉะนั้นเราเข้ามาศึกษาในส่วนของพระวินัยนิ
ต้องให้ทราบถึงพระประสงค์ของพระพุทธองค์ แล้วเราจะปฏิบัติถูกต้องดีงาม
ตามพระประสงค์ ของบรมครูของพวกเรา การนำสิ่งเหล่านี้มาประกาศเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ
โดยภาพรวมทั่วไปเป็นสิ่งที่ดี
ควรรู้ภิกษุสามเณรควรรู้อุบาสกอุบาสิกาควรรู้ นี้เป็นสิ่งที่ดี

วันนี้ก็ไปรดน้ำศพท่านอาจารย์สุชีพ สุขชีโว เจ้าอาวาสวัดธรรมนิมิตรเจ้าคณะตำบลด้วย
เจ้าคณะตำบลสมุทรสงคราม มรณภาพ อายุพึ่ง 55 เอง มรณภาพ
ชีวิตมันไม่แน่นอนใช่่ไหม เห็นหน้ากันอยู่หลัก ๆ พึงไปงานรดน้ำศพ
หลวงพ่อสุทัศน์กลับไปคืนนั้นก็ตามกันไปอีก แหนะ....เห็นไหมไม่แน่นอนนะความตายนิ
ไม่ว่าพระไม่ว่าเณร ไม่ว่าโยมแหละ ถึงเวลาตรงไหนตรงนั้น ถ้าพร้อมแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงหรอก
ฉะนั้นพากันมุ่งมั่นตั้งใจเจริญสมณธรรม ประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรม
เวลาที่เหลืออยู่เราไม่รู้ว่ามันเหลืออยู่เท่าไหร่แหละ เรียกได้ว่ารู้ว่ามันเหลืออยู่
แต่ไม่รู้ว่าเหลือเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญก็คือสิ่งที่ดี ๆ ควรได้ควรทำเราได้หรือยัง
ทำหรือยัง ขณะที่มีร่างกายเข้มแข็ง
กำลังวังชาดีพอกับการที่จะบำเพ็ญเพียรก็ต้องเร่งรีบอย่าชะล่าใจ
ถ้าร่างกายสังขาร หรือขันธมารมันเข้าบีบคั้น เบียดเบียนแล้วนิมันยาก
เห็นไหมจะนั่งก็ยากจะเดินก็ยากกินก็ยาก ขับถ่ายก็ยากอาบน้งอาบน้ำมันก็ยากอีก
มัวแต่ยุ่งอยู่กับสังขารนิ เลยไม่ได้ทำอะไรเลย
ฉะนั้นช่วงร่างกายสังขารเรายังดี ก็อย่าไปละเลยมุ่งมั่นตั้งใจประพฤติปฏิบัติ
อันไหนที่เรายังไม่รู้ไม่เข้าใจ ยังทำไม่เป็นยังทำไม่ได้ก็พยายามเรื่อยไป พยายามเรื่อยไป
สิ่งที่มันเป็นประโยชน์นั้นแหละ สิ่งไหนที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม
หรือเจริญสมณธรรมเราก็พยายามตัดออกไป อันไหนที่มันเป็นประโยชน์กับหมู่กับคณะกับสังคมกับหมู่สงฆ์ก็พยายาม ทำให้เต็มที่ นั้นแหละคือเป็นสิ่งที่ดี จะได้ไม่เสียดายภายหลังอันนั้นก็ไม่ได้อันนี้ก็ไม่ได้
ผ่านมาอันนั้นก็น่าเสียดายอันนี้ก็น่าเสียดาย ก็มีแต่พรรณาถึงความเสียดายนั้นแหละไป ๆ มา ๆ ก็ตายไป หมดไปกับคำว่าเสียดาย ไม่ได้ทำอะไรอีก ไปได้เวลาไปเดินจงกรมกัน


ธรรมีกถายามเย็น
หลวงพ่อพระมหาประกอบ ธมฺมชีโว
ณ วัดป่ามหาไชย
พุธที่ 19 มกราคม 65   




 6,376 

  ความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย