ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเวฬุวันเมืองราชคฤห์
ทรงปรารภพระเทวทัตผู้ชั่วช้า ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก
ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นลิงชื่อนันทิยะอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
มีลิงน้องชายชื่อจุลลนันทิยะ มีลิงบริวารอยู่ประมาณ
๘๔,๐๐๐ ตัว ปรนนิบัติลิงมารดาตาบอดอยู่ ด้วยภารกิจต้องดูแลเลี้ยงดูลิงลูกน้อง
ลิงสองพี่น้องจึงต้องแอบซ่อนมารดาไว้ที่พุ่มไม้แห่งหนึ่ง
แล้วพวกตนก็ออกแสวงหาอาหาร พอได้อาหารก็จะมอบให้ลิงตัวหนึ่งนำไปมอบให้มารดาของตน
แต่ลิงตัวนั้นก็ได้กินอาหารไปเสียในระหว่างทาง
เวลาผ่านไปหลายวันลิงมารดาไม่ได้กินอาหารจึงมีร่างกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
เมื่อลิงทั้งสองกลับมาหามารดาในวันหนึ่งก็ต้องตกใจถามมารดาว่า
" แม่จ๋า ลูกส่งผลไม้อร่อยมาให้แม่ไม่ได้กินหรือ"
แม่ตอบว่า " ลูกเอ๋ย แม่ไม่เคยได้รับอะไรเลย
" ลิงนันทิยะคิดว่า " ถ้าเราปกครองฝูงลิงอยู่เช่นนี้
แม่เราต้องตายแน่ " จึงพูดกับลิงจุลลนันทิยะว่า
" นี่น้องชาย พี่จะมอบให้เจ้าปกครองฝูงลิงเจ้าจะว่าอย่างไร
พี่จะขออยู่เลี้ยงแม่เอง" ลิงจุลลนันทิยะตอบว่า
" พี่ชาย ผมก็ไม่อยากปกครองฝูงลิง จะขออยู่เลี้ยงแม่เช่นกัน"
ทั้งสองจึงพามารดาหนีไปอยู่ที่ต้นไทรใกล้ชายป่าต้นหนึ่งตั้งแต่วันนั้น
สมัยนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่ง
เรียนจบศิลปะทุกอย่างจากสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์
เมือง ตักกสิลาแล้วจึงอำลาอาจารย์กลับบ้าน
อาจารย์ทราบว่าเขามีนิสัยหยาบกระด้างจึงให้โอวาทเขาว่า
" นี่พ่อหนุ่ม เธอนะเป็นคนค่อนข้างกระด้างนะ
อย่าทำกรรมชั่วนะ แล้วจะไม่เดือดร้อน "
ชายหนุ่มกราบลาอาจารย์แล้วกลับบ้านที่เมืองพาราณสี
ไม่นานก็แต่งงานมีครอบครัวคิดไม่ออกว่าจะเลี้ยงชีพด้วยอะไรดีจึงตกลงใจเป็นนายพรานธนูล่าสัตว์เลี้ยงชีพ
ขายบ้าง กินเองบ้าง ได้พอเลี้ยงครอบครัว วันหนึ่งเขาเข้าป่าหาล่าสัตว์ตามปกติ
ปรากฏว่าทั้งวันไม่พบสัตว์อะไรสักตัวเดียว
กำลังจะเดินทางกลับบ้าน ผ่านมาทางต้นไทรพอดีเห็นลิงชราตาบอดบนต้นไทรนั้นก็ตัดสินใจจะฆ่ามัน
ลิงนันทิยะเห็นนายพรานนั้นกำลังเล็งลูกธนูมาทางมารดาของตนก็ทราบถึงภัยอันตรายรีบบอกลิงจุลลนันทิยะให้อยู่ดูแลแม่
ตนเองจะสละชีพเพื่อทุกคนจึงกระโดดลงไปขวางทางธนูพร้อมพูดกับนายพรานว่า
" ท่านผู้เจริญ ขอท่านอย่าได้ฆ่ามารดาของข้าพเจ้าเลย
จงฆ่าข้าพเจ้าแทนเถิด ปล่อยมารดาข้าพเจ้าไปเสีย
มารดาของข้าพเจ้าตาบอด"
นายพรานไม่พูดอะไร
ยิงธนูบักอกลิงนันทิยะทันที เสร็จแล้วก็เล็งลูกธนูไปที่ลิงชราอีก
ลิงจุลลนันทิยะจึงกระโดดลงมาขวางทางพร้อมกับพูดว่า
" ท่านผู้เจริญ ท่านอย่ายิงมารดาของข้าพเจ้าเลย
ข้าพเจ้าขอสละร่างกายให้ท่านแทนมารดา ท่านยิงเราสองพี่น้องแล้วก็จงไว้ชีวิตมารดาของเราเถิด"
นายพรานไม่พูดอะไรได้ยิงลิงจุลลนันทิยะตายอีก
และคิดว่า " เราจะเอาไปเผื่อเด็กๆที่บ้านด้วย
" จึงยิงลิงมารดาของลิงทั้งสองนั้นอีก
เสร็จแล้วก็หาบลิง ๓ ตัวมุ่งหน้าตรงกลับไปบ้าน
ขณะนั้น ได้เกิดสายฟ้าผ่าไปที่บ้านของนายพรานนั้น
ทำให้ภรรยาและลูกสองคนของเขาเสียชีวิต บ้านก็ถูกไฟไหม้เหลือเพียงเสากับขื่อเท่านั้น
พอนายพรานกำลังจะเข้าถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านก็บอกเรื่องนั้นให้เขาทราบ
เขารีบวางหาบลิงทิ้งไว้แล้ววิ่งเข้าไปที่บ้านร้องไห้คร่ำครวญอยู่
ทันใดนั้นเองขื่อได้หักมาทับหัวของเขาแตก
แผ่นดินได้แยกออกสูบร่างเขาลงไปตกในอเวจีนรก
ในขณะที่แผ่นดินสูบเขาได้ระลึกถึงโอวาทของอาจารย์จึงกล่าวเป็น
๒ คาถาว่า
"
อาจารย์ปาราสริยะได้กล่าวคำใดไว้ว่า ท่านอย่าได้กระทำกรรมชั่ว
อันจะทำตัวท่านให้เดือดร้อนในภายหลังนะ
คำนี้เป็นคำของท่านอาจารย์.
คนทำกรรมใดไว้ย่อมเห็นกรรมนั้นในตน
ทำดีย่อมได้ดี
ทำชั่วย่อมได้ชั่ว บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
"
|