Warning: file(../ad468.txt): failed to open stream: No such file or directory in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/randomad468.php on line 4
 
 
คลิ๊กอ่านรายละเอียด
คลิ๊กอ่านละเอียด
คลิ๊กอ่านรายละเอียด
คลังธรรมะ
+ ฟัง เพลงธรรมะบนอินเตอร์เน็ท ++
หน้าแรก นิทานชาดก นิทานธรรมะ กลองเป็นเหตุ
กลองเป็นเหตุ
เรื่องจาก : นิทานพื้นบ้าน ชุดที่ ๒ ชุด "คติสอนใจ" สำหรับเด็กและเยาวชน
โดย : รศ. วิเชียร เกษประทุม
วันที่ online : ๑๘ ส.ค. ๒๕๔๘

เมืองหนึ่ง มีชายคนหนึ่งมีฝีมือในการตีกลองได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด ไม่มีใครมีฝีมือเทียบเท่าได้ คือตีกลองได้ทั้งจังหวะและความไพเราะ

ทุกๆวัน ชายตีกลองผู้นี้จะออกไปตีกลองตามสถานที่ต่างๆ เพื่อแลกกับเงินที่ผู้ชมมาบริจาคให้แก่เขาด้วยความเต็มใจ เพราะชอบในฝีมือการตีกลองของเขา เขาจึงมีเงินเลี้ยงครอบครัวได้อย่างไม่เดือดร้อน

ชายผู้นี้มีบุตรชายคนหนึ่งกำลังอยู่ในวัยรุ่น และเขาก็ได้สอนให้ลูกชายของเขาฝึกตีกลองเป็นจังหวะต่างๆ จนได้ครบทุกจังหวะ เรียกได้ว่าฝีมือใกล้เคียงกับพ่อมากทีเดียว ฉะนั้น เมื่อไปตีกลองที่ไหนสองพ่อลูกนี้ก็จะตีกลองสลับสอดรับกันไปมา ทำให้เสียงกลองเร้าใจผู้ฟังมากยิ่งขึ้น

วันหนึ่งมีงานนักขัตฤกษ์ในเมือง ผู้เป็นพ่อจึงพูดกับลูกว่า
     "ลูกเอ๊ย วันนี้มีงานในเมือง คนคงมาเที่ยวงานกันมาก เราไปตีกลองหาเงินกันมั้ยลูก"
     "ไปซิพ่อ ผมก็คิดจะชวนพ่ออยู่เหมือนกัน เราอาจได้เงินเป็นจำนวนมาก็ได้" ลูกชายตอบ
     "เอ้า งั้นรีบเตรียมตัวออกเดินทางเลย" พ่อบอกลูกชาย

ทั้งสองพ่อลูกรีบเดินทางเข้าไปในเมืองทันที เมื่อถึงสถานที่จัดงานแล้วก้เลือกหาที่แสดง ช่วยกันตั้งกลองเสร็จแล้วทั้งสองพ่อลูกก็เริ่มบรรเลงกลองขึ้น ผู้คนที่มาเที่ยวงาน เมื่อได้ยินเสียงกลองต่างก็พากันมายืนชมการตีกลองของทั้งสองพ่อลูกอย่างพออกพอใจ พร้อมทั้งได้บริจาคเงินให้แก่สองพ่อลูกนั้นเป็นจำนวนมาก

พองานเลิกก็ดึกมากแล้ว ครั้นจะอยู่ค้างคืนที่นี่ วันพรุ่งนี้ก็จะต้องไปตีกลองที่เมืองอื่นอีก เกรงว่าจะไปไม่ทัน ฉะนั้นสองพ่อลูกจึงช่วยกันเก็บข้าวของพร้อมเก็บเงินใส่ถุงย่ามรีบเดินทางกลับบ้านทันที

เผอิญทางที่เดินกลับบ้านนั้นเป็นทางเปลี่ยว มีโจรคอยดักจี้ปล้นผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่เสมอ เมื่อเดินทางมาได้สักพักพ่อจึงบอกแก่ลูกชายว่า
     "ลูกเอ๊ย ทางที่เราจะต้องเดินผ่านไปนี่เป็นทางเปลี่ยวมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก เพื่อป้องกันไม่ให้โจรมาปล้นเรา พ่อขอให้เจ้าตีกลองเป็นจังหวะการเดินทัพนะลูกนะ"
     "ทำไมจะต้องตีกลองเป็นจังหวะการเดินทัพด้วยเล่าพ่อ มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย" ลูกชายถามด้วยความสงสัย
     "เกี่ยวสิลูก ทำไมไม่เกี่ยวละ เพราะถ้าโจรมันได้ยินเสียงกลองในจังหวะการเดินทัพ มันก็จะกลัว จะพากันหนีไปหมด และมันก็จะไม่มาปล้นเราไงลูก" พ่ออธิบาย
     "ครับ งั้นผมก็จะตีกลองเป็นจัวหวะการเดินทัพเลยนะพ่อ" ลูกชายรับคำ

เมื่อโจรได้ยินเสียงกลองตีเป็นจังหวะการเดินทัพ มันคิดว่าเป็นกระบวนทัพของพระราชากำลังยกมา มันจึงพากันวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปได้สักพักหนึ่งก็หยุดพักเหนื่อยอยู่กลางป่า

ฝ่ายลูกชายเมื่อตีกลองจังหวะยกทัพไปได้สักพักหนึ่งก็เกิดนึกสนุกขึ้นมา เขาจึงเปลี่ยนจังหวะการตีกลองเป็นจังหวะอื่นๆ หลายๆ จังหวะ เท่าที่เขาตีได้สลับกันไปมาอย่างคึกคะนอง โดยไม่ปฏิบัติตามคำที่พ่อสั่ง พ่อจะห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง ยังคงตีกลองอย่างนั้นเรื่อยไป

ฝ่ายนายโจรนั่งพักอยู่กับลูกน้องได้ยินเสียงตีกลองเป็นจังหวะต่างๆ สลับกัน ไม่ใช่จังหวะการเดินทัพ จึงกล่าวแก่ลูกสมุนว่า
     "เฮ้ย เราถูกหลอกเสียแล้วมั่งเนี๊ยะ พวกเอ็งลองฟังเสียงกลองสิ มันไม่ได้ตีเป็นจังหวะการเดินทัพนี่ แต่มันตีเป็นจังหวะต่างๆ สลับกัน ข้าว่าคงเป็นฝีมือของสองพ่อลูกที่ออกไปตีกลองหาเงินแล้วเดินทางกลับบ้านเสียมากกว่า"
     "งั้นเราจะทำอย่างไรดีละนาย" ลูกสมุนโจรถาม
     "เอายังงี้ก็แล้วกัน พวกเรารีบวิ่งตามเสียงกลองนั้นไป เพื่อดูว่าใครกันแน่ที่ตีกลองนั้น ถ้าเป็นสองพ่อลูกนั้น เราก็ได้จะปล้นมันเสียเลย"

แล้วนายโจรและลูกสมุนต่างก็วิ่งตามเสียงกลองนั้น เมื่อไปทันเห็นสองพ่อลูกกำลังเดินกันอยู่ นายโจรจึงตะโกนไปว่า
     "หยุด แล้วส่งเงินทั้งหมดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นแกสองคนพ่อลูกจะต้องตาย"
     "อย่าทำร้ายข้าทั้งสองคนเลย ข้ากลัวแล้ว เอ้า เอาเงินไป" ชายผู้เป็นพ่อพูดด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมทั้งส่งถุงย่ามที่ใส่เงินให้แก่นายโจร

นายโจรรับถุงย่ามมาตรวจดู เห็นมีเงินเป็นจำนวนมากก็ดีใจ และพูดว่า
     "แกสองคนพ่อลูกไปได้แล้ว และรีบไปเร็วๆ ด้วย อย่าให้ข้าเห็นหน้าอีก รีบไปเลยไป"

สองพ่อลูกต่างพากันรีบเดินกลับบ้านด้วยความเสียใจแล้วพ่อก็เอ่ยปากพูดกับลูกว่า
     "ลูกเอ๋ย นี่ถ้าเจ้าเชื่อฟังพ่อ เรื่องอย่างนี้คงไม่เกิดขึ้นพ่อขอบอกเจ้าว่า ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจงเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้หลักผู้ใหญ่ อย่าได้ดื้อรั้นอย่างนี้อีก ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่ควรจดจำ"
     "ครับพ่อ ผมผิดไปแล้ว ผมขอสัญญาว่า ต่อไปนี้ผมจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่และผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคน" ลูกชายสารภาพผิดพร้อมทั้งให้สัญญา

 

ข้อคิด

๑. การมีความรู้ความสามารถในด้านใดด้านหนึ่งอย่างเชียวชาญ สามารถนำความรู้ความสามารถนั้น มาทำเป็นอาชีพที่มั่นคงได้

๒. การเป็นคนดื้อรั้นไม่เชื่อฟังคำแนะนำสั่งสอนของผู้ใหญ่ย่อมทำให้ได้รับความเดือดร้อน

๓. ผู้น้อยควรเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่ย่อมมีประสบการณ์เคยพบเห็นสิ่งต่างๆ มาก่อน



หน้าแรก พระพุทธศาสนา ประวัติพระพุทธสาวก หัวข้อธรรม ธรรมปฏิบัติ ศาสนพิธี วันสำคัญทางศาสนา ทศชาติชาดก วิทยุธรรมะไทย
พุทธศาสนสุภาษิต พจนานุกรมพุทธศาสน์ ทำเนียบวัดไทย คลังแสงแห่งธรรม พระพุทธศาสนาในเมืองไทย ข่าวธรรมะ กิจกรรมธรรมะ สมุดเยี่ยม
ธรรมะไทย - dhammathai.org [ Warning: include(../useronline.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/dhammastory/story71.php on line 420 Warning: include(../useronline.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/dhammastory/story71.php on line 420 Warning: include(): Failed opening '../useronline.php' for inclusion (include_path='.:/usr/local/lib/php') in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/dhammastory/story71.php on line 420 ]