ธุลีทวนลม(กรรมลิขิต03)



ในสมัยพุทธกาล เช้าวันหนึ่ง นายพรานโกกะถือธนูพาสุนัขไปป่า พบภิกษุรูปหนึ่งกำลังเที่ยวบิณฑบาต ก็โกรธเพราะถือว่าเป็นคนกาลกิณี วันนี้คงไม่ได้อะไร แล้วก็เที่ยวไปในป่า ไม่ได้อะไรเลย กลับจากป่าก็พบพระเถระอีก คิดว่า วันนี้พบคนกาลกิณี ไปป่าจึงไม่ได้อะไรเลย บัดนี้ยังมาเผชิญหน้ากันอีก ต้องให้พวกสุนัขกัดพระรูปนี้เสีย แล้วให้สัญญาณปล่อยสุนัข พระเถระอ้อนวอนว่าอย่าทำอย่างนั้น นายพรานไม่ฟัง สั่งให้สุนัขกัด พระเถระรีบหนีขึ้นต้นไม้ พวกสุนัขก็ล้อมต้นไม้ไว้ นายโกกะจึงแทงพื้นเท้าพระเถระด้วยปลายศร พระเถระอ้อนวอนว่าอย่าทำ เขาก็ไม่ฟังกลับแทงกระหน่ำใหญ่ พระเถระยกเท้าหนีเป็นพัลวัน จีวรที่ห่มจึงหลุดลงมาคลุมนายโกกะ
พวกสุนัขเข้าใจว่าพระเถระตกลงมา จึงกรูกันเข้าไปที่จีวร กัดเจ้าของของตนจนตาย แล้วถอยออกมา พระเถระจึงหักกิ่งไม้แห้งขว้างสุนัขเหล่านั้น พวกสุนัขไม่เห็นเจ้าของเลยหนีเข้าป่าไป
(อรรถกถาธรรมบท ภาค ๕ เรื่องนายพรานโกกะ)
หลวงตาองค์หนึ่งปลูกต้นไม้และผักต่างๆ ไว้มากที่บริเวณกุฏิของท่าน ชาวบ้านคนไหนขอท่านก็ให้โดยดี คนไหนขโมยท่านก็บ่นด่าว่า
ชายชาวบ้านผู้เป็นพาลคนหนึ่ง คงมาลักผักหรือผลไม้ของท่าน เมื่อถูกท่านบ่นก็โกรธแค้น คิดจะฆ่าท่านเสีย จึงให้ภรรยาทำขนมเจือด้วยยาพิษแล้วให้คนนำไปถวาย บังเอิญนำไปเมื่อพ้นเพล ท่านฉันเพลเสียแล้ว จึงเก็บขนมไว้เพื่อให้เด็กที่ชอบมาเล่นในวัดบริเวณกุฏิท่านเสมอๆ
เย็นวันนั้น เด็กคนหนึ่งมาเล่นที่บริเวณกุฏิของท่าน ท่านจึงเรียกมาและให้ขนมกิน ไม่ช้ายาพิษได้ซ่านไปในกายของเด็ก พระก็ไม่ทราบจะช่วยอย่างไร จึงเรียกพ่อแม่เด็กมารับตัวไปรักษา เด็กคนนั้นเป็นลูกของชายผู้ให้คนนำขนมเจือยาพิษมาถวายพระ เด็กถึงแก่ความตายในวันนั้น
(หลักกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด โดย วศิน อินทสระ)
กำนันบรรจง ศิริธร ซึ่งเป็นกำนันของตำบลแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี เล่าถึงประสบการณ์ในชีวิต ความว่า
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ผมสมัครเป็นพลทหารเรืออยู่ที่กรมสรรพาวุธทหารเรือ และรู้จักพลทหารเรือคนหนึ่ง สมัยนั้น รถไฟจากหัวลำโพงไปปากน้ำได้ถูกยกเลิก ใช้รถ (ยนต์) รางแทน ข้างทางรถรางก่อนที่จะถึงกรมสรรพาวุธเป็นป่ารก มีต้นไม้ขึ้นเต็ม เจ้าเพื่อนผมเป็นคนพาลเกเร ชอบเล่นวิตถาร คือไปดักอยู่ในป่าข้างทางก่อนที่รถรางจะมาถึงบางนา แอบซ่อนไม่ให้ใครเห็น เมื่อรถรางวิ่งผ่านก็ใช้ก้อนอิฐก้อนหินปาเข้าไปในช่องหน้าต่าง บางครั้งก็ถูกกระจกหน้าต่าง บางครั้งก็ถูกผู้โดยสาร เขาทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้หลายครั้งแล้ว การอยู่ร่วมกันอย่างสนิทสนมทำให้ผมทราบเรื่อง จึงห้ามไม่ให้เล่นพิเรนอย่างนี้อีก
เจ้าเพื่อนผมคงจะเป็นโรคจิต มันจึงไม่สนใจคำห้ามปรามของผม
ผมจึงยื่นคำขาดว่า หากลื้อไม่เชื่อ อั๊วจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพราะทางการกำลังสืบสวนหาตัวคนร้ายขว้างปารถราง เพื่อเอาตัวไปลงโทษ อั๊วจะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้ลื้อทำชั่วมากกว่านี้ และเพื่อให้ลื้อกลับตัวเป็นคนดี เพื่อนเห็นผมเอาจริงเลยสัญญาว่าจะหยุดเล่น
ต่อมา ผมได้ลาราชการไปเยี่ยมบ้านที่เมืองชล เมื่อครบกำหนดก็กลับมายังกรมสรรพาวุธ เพื่อนก็มาสารภาพว่า ระหว่างที่ผมไม่อยู่ วันหนึ่งก็แอบเอาก้อนหินขนาดเหมาะมือไปซุ่มอยู่ข้างทาง เมื่อขบวนรถจะผ่านเขาก็ขว้างก้อนหินเข้าไปในช่องหน้าต่างได้พอดี เสียงผู้โดยสารร้องเอะอะโวยวาย ทำให้เขาพออกพอใจมาก
เจ้าเพื่อนผมกลับมาถึงที่พัก นั่งรำลึกถึงความสนุกสนานจากเกมกีฬาที่พิสดารอยู่ได้ไม่นาน ทหารก็มาบอกว่า มีญาติมาเยี่ยม เมื่อเขาออกมาพบก็เห็นผู้หญิงสูงอายุ มีผ้าแถบปิดหน้าไว้ครึ่ง เพราะที่โหนกแก้มขวามีแผลสดๆ เลือดยังไหลจนตาบวมหรี่แทบจะลืมตาไม่ขึ้น
เมื่อเห็นทีแรก เจ้าเพื่อนผมไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พอเพ่งดูหน้าก็จำได้ จึงร้องออกมาด้วยความตกใจว่า แม่ จากนั้นก็ถามเสียงสั่นว่า แม่เป็นอะไร ใครทำกับแม่อย่างนี้ ลูกจะขยี้มันด้วยมือของลูกเอง
ผู้เป็นแม่ตอบว่า แม่คิดถึงก็ตั้งใจมาเยี่ยมลูก แต่พอรถจวนจะถึงบางนา ไม่รู้ว่าอ้ายมือบอนคนไหนขว้างก้อนหินเข้ามาทางหน้าต่างรถตรงที่แม่นั่ง ถูกโหนกแก้มขวาเลือดไหลและบวมขึ้นมาทันที แต่เคราะห์ยังดี หากมันขว้างสูงขึ้นอีกนิด ตาแม่คงบอดแน่ หลายคนบอกแม่ให้ไปแจ้งความเพื่อจับอ้ายคนมือซนมาลงโทษ แต่แม่อยากพบลูก จึงไม่ไปแจ้งความให้เสียเวลา เมื่อมาคอยลูก มีทหารมาแนะนำให้แม่ไปทำแผลที่ห้องพยาบาลเสียก่อน แต่แม่บอกว่าคอยพบลูกเสียก่อน จึงนั่งรอจนกว่าจะพบลูก
เพื่อนผมได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเสียใจและสงสารแม่จนน้ำตาไหล รีบพาแม่ไปทำแผลใส่ยาที่ห้องพยาบาล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าเพื่อนผมหูตาสว่างและเข็ดจนตาย เพราะเจอกรรมสนองกรรมด้วยตนเอง
(สวัสดีปีใหม่ ๒๕๒๐ โดย ท. เลียงพิบูลย์)
ประเด็นที่ควรกล่าวถึงมีดังนี้
๑. การพยายามทำร้ายพระภิกษุผู้มีศีลเป็นบาปหนัก ในที่นี้ได้ให้ผลทันทีเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม ทำให้ตัวนายพรานกับลูกของชายที่วางยาพิษต้องตายเสียเอง เปรียบเสมือนการโปรยธุลีทวนลม ธุลีย่อมย้อนกลับไปหาผู้โปรยเอง ถึงชายผู้วางยาพิษจะไม่ตาย แต่ก็ไม่พ้นจากบาปกรรมเพราะต้องโศกเศร้าถึงลูกที่ตาย (จัดเป็นนรกในใจ) และคงต้องรับผลของบาปกรรมนั้นในชาติต่อๆ ไปอีก ส่วนพลทหารเรือก็ต้องหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจเพราะทำให้แม่บังเกิดเกล้าต้องหลั่งเลือด ได้รับผลแห่งบาปทันตาเช่นกัน และผลกรรมคงไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้เป็นแน่
๒. เหตุที่เด็กต้องมาตายเพราะบาปกรรมที่พ่อของตนเป็นผู้ก่อ และแม่ต้องมารับบาปกรรมแทนลูกชายนั้น เพราะคนทั้งสองเคยทำบาปกรรมไว้ในอดีต จึงต้องมารับผลของบาปกรรมนั้นในชาตินี้ คนหนึ่งทำบาปแล้วให้คนอื่นรับผลบาปแทนย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะค้านกับพุทธภาษิตในธรรมบท (๒๕/๒๒) ที่ว่า
ผู้ใดทำบาป ผู้นั้นย่อมเศร้าหมอง ผู้ใดไม่ได้ทำบาป ผู้นั้นย่อมบริสุทธิ์ ความบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน คนอื่นทำคนอื่นให้บริสุทธิ์ไม่ได้   

ที่มา : คัดลอกมาจาก หนังสือกรรมลิขิต

5,162







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย