ต่อชะตาให้ฉันด้วย

 รักศาสนา   23 ก.พ. 2555

 ขอก้มกราบ อาจารย์ ผ่านอักษร
เป็นบทกลอน กะทัดรัด เนื่องหัดใหม่
ถิ่นกำเนิด ฉันนั้นหรือ คือเมืองไทย
อยู่ไม่ไกล เพียงแค่ชิด ติดเขตแดน

ขอฝากตัว กับพี่ๆ ที่นี้ด้วย
และวานช่วย สอนวิชา อย่าหวงแหน
โอกาสมี ฉันจะมอบ สิ่งตอบแทน
เพราะฉันนี้ ดูหมอแม่น ถึงแก่นเชียว

มาวันนี้ อยากเรียนธรรม ที่ล้ำค่า
ก็เพราะว่า ฉันรู้สึก เริ่มนึกเสียว
ชะตาฉัน ไม่น่าเชื่อ เหลือนิดเดียว
ใจห่อเหี่ยว จึงอยากขอ ต่อชะตา

มีใครบ้าง อาสาจิต คิดชี้แนะ
โปรดเยือนแวะ อย่ามองฉัน นั้นไร้ค่า
อีกไม่ช้า ฉันต้องตาย วายชีวา
ทำอย่างไร ดีหนา ถ้าเป็นจริง

ใครสอนฉัน คนแรก แปลกใจแน่
ที่เคยแย่ จะหายไป ในทุกสิ่ง
ใครไม่เชื่อ ไม่เป็นไร ให้ท้วงติง
ลองสอนดู อย่าทอดทิ้ง วิ่งหนีไป
 




อนุโมทนา สาธุ




ปลายปีก่อน ย้อนดู อดสูยิ่ง
น้ำไหลวิ่ง ท่วมทุกหน หม่นหมองไหม้
และปีนี้ เราควรจะ ระวังไฟ
อยากเตือนไว้ ให้สังเกต เขตชุมชน

เริ่มจากป่า จากใบหญ้า มาสู่บ้าน
สู่อาคาร ตึกใหญ่ ใกล้ถนน
สูงระฟ้า จะเห็นควัน นั้นลอยวน
ฉีดน้ำพ่น ไปไม่ถึง จึงแค่มอง

ศาสนา น่าเป็นห่วง กลัวร่วงหล่น
เนื่องจากคน ที่อาศัย ไม่ปกป้อง
ปล่อยละเลย ให้มิจฉา มาปกครอง
มีมารจ้อง คอยคิดร้าย ทำลายธรรม

ด้วยราคะ โทสะ โมหะยั่ว
ไม่ล้อมรั้ว จึงถูกโลม โหมกระหน่ำ
หูแว่วยิน ก็จับจิต คิดจดจำ
เห็นอะไร สวยล้ำ อยากนำพา

เพราะลุ่มหลง ในผัสสะ ไม่ละลด
ต้องรันทด เหมือนไฟ ไหม้ใบหญ้า
มันครุกรุ่น ไม่ยอมมอด ตลอดมา
ในที่สุด โมหา พาครอบครอง


“ดูก่อนมาลุงกยบุตร ในบรรดาธรรมที่เธอเห็นแล้ว ฟังแล้ว รู้แล้ว รู้แจ้งแล้วเหล่านั้น ในรูปที่เห็นแล้ว จักเป็นแค่เห็น ในเสียงที่ได้ยิน จักเป็นแต่ได้ยิน ในอารมณ์ที่จักเป็นแต่รู้ ในอารมณ์ที่รู้แจ้งจักเป็นแต่รู้แจ้ง เธอจักเป็นผู้ไม่ถูกราคะย้อม ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย ไม่หลงเพราะโมหะ......”





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ รักศาสนา รักคำสอน ชินวรเจ้า
น้อมรับเอา พุทธพจน์ กำหนดมั่น
สร้างตบะ ก่อพละ อินทรีย์พลัน
หมายจะบั่น กิเสสทราม ทั้งสามไป

๐ ทำจิตเรา ให้มั่นไว้ ในพุทธพจน์
ที่พระองค์ ทรงกำหนด แสนสดใส
ทำจิตเรา ให้มั่น ก่อนช่วยใคร
ก่อนยื่นมือ ฉุดเขาให้ ขึ้นจากตม

๐ ยินดียิ่ง เจอมิ่งมิตร รักศาสนา
ขององค์พระ ศาสดา สง่าสม
ไว้สนทนา ในธรรม นำชื่นชม
ห่างระทม จิตมั่นไว้ ในศาสดา

เจริญในธรรม เจ้าค่ะ








ใครสอนฉัน คนแรก แปลกใจแน่
ที่เคยแย่ จะหายไป ในทุกสิ่ง
ใครไม่เชื่อ ไม่เป็นไร ให้ท้วงติง
ลองสอนดู อย่าทอดทิ้ง วิ่งหนีไป


๐ ทำจิตเรา ให้มั่นไว้ ในพุทธพจน์
ที่พระองค์ ทรงกำหนด แสนสดใส
ทำจิตเรา ให้มั่น ก่อนช่วยใคร
ก่อนยื่นมือ ฉุดเขาให้ ขึ้นจากตม


ท่านหิ่งห้อย ชี้ทางเด่น เป็นคนแรก
ช่างน่าแปลก เข้ามาสอน ตอนเหมาะสม
ค้นประวัติ ที่ผ่านมา น่าชื่นชม
ถูกเพาะบ่ม ด้วยรสธรรม จนฉ่ำใจ

ปัจจุบัน ท่านหิ่งห้อย ลอยละล่อง
คอยชี้ช่อง ทางแสนไกล ให้เหมือนใกล้
ใครทุกข์ร้อน คอยช่วย ด้วยห่วงใย
ใช่หรือไม่ คนรู้เห็น เด่นนานมา

ท่านเปรียบดัง คล้ายสื่อ กระพือข่าว
นำเรื่องราว สิ่งดีๆ ที่มีค่า
มาเผยแผ่ เพราะจิตนั้น มั่นศรัทธา
รักศาสนา ขอน้อมไว้ ด้วยใจจริง

แต่นี้ไป ท่านจะมี สิ่งดีช่วย
คอยอำนวย คิดอะไร ได้ทุกสิ่ง
เหมือนมีเสา ปักไว้ ให้ท่านพิง
สงบนิ่ง หายเหนื่อยอ่อน ได้ผ่อนคลาย

ท่านมาแล้ว จงช่วยฉัน ในวันนี้
ก่อนชีวี ล่วงลับ ดับสลาย
ช่วยบอกทาง สู่สวรรค์ ในบั้นปลาย
อย่างง่ายๆ เพราะชีวิต เหลือนิดเดียว


สิ่งใดที่ไม่ควร ต้องกราบขออภัย ขอบคุณท่านหิ่งห้อยน้อยที่ต้อนรับ





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ รัก หวง ห่วง ในบุตร ... ธิดา
เพื่อนสนิท มิตร ภรรยา .. ทั้งสิ้น
สามี ศฤงคารนานา ........ คาขื่อ
เครื่องจองจำหย่อนดิ้น ... ยากแท้ปลดลง

๐ เครื่องมือหรือ ขื่อคา ที่ว่าโหด
แพ้สังโยชน์ ยางเหนียว ที่เกี่ยวไว้
แพ้ความรัก ห่วงหา ที่อาลัย
มากเยื่อใย ในบุตร และธิดา

๐ ขื่นคาอื่น หลุดแล้ว เพื่อนแก้วเอ๋ย
ไยทรามเชย กอดรัด มัดตัณหา
ให้สนิท แนบไว้ ในจินตนา
มาเถิดมา ค่อยค่อยปลด ลดห่วงกันฯ



เจริญในธรรม เจ้าค่ะ








๐ ขื่นคาอื่น หลุดแล้ว เพื่อนแก้วเอ๋ย
ไยทรามเชย กอดรัด มัดตัณหา
ให้สนิท แนบไว้ ในจินตนา
มาเถิดมา ค่อยค่อยปลด ลดห่วงกันฯ


หิ่งห้อยน้อย กล่าวถึงเรื่อง เครื่องจองจำ
เป็นบทธรรม แสนดี ที่รังสรรค์
ศึกษาดู อย่างลึกซึ้ง ครึ่งค่อนวัน
ขอยืนยัน บทธรรมนี้ ดียิ่งเอย

ปลดตัณหา ให้หมดสิ้น ดิ้นให้หลุด
ที่มนุษย์ เห็นกองทุกข์ สุขจริงเอ๋ย
ขาดเรียนรู้ ปล่อยปละ และละเลย
จนคุ้นเคย ยากสลัด ตัดจากใจ

ตัณหาสาม คือมาร บันดาลทุกข์
ใครอยากสุข ต้องสลัด ตัดความใคร่
รักศาสนา จงถอยห่าง อย่างเร็วไว
ต่อชะตา ไปทำไม ให้ทุกข์ทน

มาเถิดหนา มาสร้างบุญ เพื่อหนุนส่ง
เป็นทางตรง ทางดี มีเหตุผล
เอาไว้เสริม ยามลับ ดับวายชนม์
เป็นดั่งเกราะ ป้องกันตน ให้พ้นมาร...เฟื่องฟ้า


สวัสดีแม่หิ่งห้อยน้อย สวัสดีคุณ รักศาสนา ขออนุญาตสนทนาด้วยสักคน...





นิดเดียวของคุณ “รักศาสนา” คือ 50 ปี หรือเปล่า

ขออวยพรให้เป็นเช่นดั่งฝัน
ขอวันนั้นที่ซึ่งไม่พึงหา
ขอวันที่แปรไปในเวลา
ยังไม่มาให้คุณพบประสบเจอ

ขออวยพรให้คุณสุขสมตามความปรารถนาครับ
สิ่งอื่นคุณหิ่งห้อยน้อยได้สอนไว้หมดแล้ว(เพราะผมสอนไม่เป็นเนื่องจากไม่เก่ง)
เข้ามาอวยพรเฉยๆน่ะครับ
พระพุทธองค์ตรัสไว้ตั้งนานแล้วครับว่า พุทธศาสนาจะเสื่อมไปโดยชาวพุทธด้วยกันเอง
ส่วนปีนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรายึดมั่นในพระรัตนตรัยก็ไม่มีปัญหาใช่มั๊ยครับ หากเสียชีวิตแล้วได้เกิดบนสวรรค์ ดีกว่าเดิมอีก ถ้าไปยึดมั่นในวัตถุกามหรือคิดจะเปลี่ยนแปลงปัจจัยภายนอก(ซึ่งเป็นไปไม่ได้) ระหว่างรอก็ทุกข์ ถึงเวลาไม่ว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิดคำตอบสุดท้ายคือ “ทุกข์” แค่มากกับน้อยเท่านั้นเอง แต่ อริยสัจ๔ อริยมรรค๘ ยังเหมือนเดิม ขอให้โชคดีดังหวังครับ

ปล.ในพุทธจักรนั้นเราเป็นเพียงเศษหนึ่งเสี้ยวธุลี แต่ผมคิดไว้เสมอว่าขอเป็นธุลีที่ผ่องแผ้วดีกว่าเป็นธุลีที่ปลอมปนน่ะครับ





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ มาเถิดมา ต่อชะตา เพิ่มราศี
สู่สิ่งดี ให้ประจักษ์ นะ รักศาสนา
ชะตาเจ้า ชะตาเรา เริ่มโรยรา
มาเถิดมา ต่อไว้ ด้วยธรรมพลี

๐ แม่ขอทัก ว่าพวกเรา ชะตาขาด
นั่นเพราะเมื่อ เกิดชาติ ย่อมเสื่อมศรี
ชราเลือน มรณะ กะทับทวี
ย่อมเกิดมี ต่อทุกคน มิพ้นไป

๐ ชะตาที่ต่อ มิใช่ล้อ เจ้าเล่นเล่น
แต่ต้องต่อ ให้เป็น จักทำไฉน
มะม่วงเน่า แกรนแคระ ให้เป็นไป
จักแก้ไข ได้อย่างไร ไม่มีทาง

๐ มีแต่เจ้า ต้องรดน้ำ หมั่นพรวนดิน
เพิ่มทรัพย์สิน แห่งธัมมา อย่าอางขนาง
เป็นการต่อ สัมปรายภพ ให้พบทาง
ไม่แคลงคลาง มั่นคำสอน ของศาสดา

๐ เตรียมเสบียง เพื่อจ่อ ต่อภพหน้า
มิใช่มา ต่อชาตินี้ นี่ตัณหา
เพียลดละ อกุศล เพิ่มกุสลา
อย่าปล่อยให้ เวลา หมดก่อนกาลฯ


เจริญในธรรม เจ้าค่ะ








ควรทำความเพียรเสียในวันนี้

๐ เตรียมเสบียง เพื่อจ่อ ต่อภพหน้า
มิใช่มา ต่อชาตินี้ นี่ตัณหา
เพียลดละ อกุศล เพิ่มกุสลา
อย่าปล่อยให้ เวลา หมดก่อนกาลฯ


รักศาสนา เงียบไป ให้เป็นห่วง
หลายวันล่วง ไร้สำเนียง สิ้นเสียงขาน
ชีวิตคน ใช่อยู่ยั้ง ยั่งยืนนาน
ดั่งดอกไม้ ที่เบ่งบาน เพียงข้ามวัน

พุทธองค์ ทรงกล่าวไว้ ให้เราคิด
ถูกหรือผิด คิดดีๆ ทีละขั้น
วันเวลา ที่ล่วงไป ให้ลืมมัน
เพราะสิ่งนั้น ไร้ประโยชน์ โปรดไตร่ตรอง

อนาคต วันพรุ่งนี้ ที่ใกล้ถึง
อย่าคำนึง ห่วงใย ในทั้งผอง
ควรฝึกธรรม วันนี้ไว้ ให้ช่ำชอง
เอาไว้ดับ ความเศร้าหมอง ทดลองดู

รักศาสนา ชอบดูหมอ เลยท้อจิต
อยากขอเตือน ไว้สักนิด ใช่คิดหลู่
มิอยากให้ ท่านหลงทาง ลงข้างคู
แม้สิ่งนั้น ที่ท่านรู้ ดูใกล้เคียง...เฟื่องฟ้า


สวัสดีแม่หิ่งห้อยน้อย สวัสดีท่านคืนถิ่นที่เคารพ และกัลยามิตรทุกท่าน...

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

โลมสติยเถราปทานที่ ๘

ว่าด้วยบุพจริยาของพระโลมสติยเถระ

[๑๓๘] …ผู้มีปัญญาไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึงสิ่งใดที่ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็ละไปแล้ว และสิ่งใดที่ยังไม่มาถึง สิ่งนั้นก็ยังไม่ได้ไม่ถึง ก็บุคคลใด เห็นแจ้งธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ในที่นั้นๆ ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน บุคคลนั้นมารู้แจ้งธรรมนั้นแล้ว ควรเจริญธรรมนั้นไว้เนืองๆ

ความเพียรควรทำเสียในวันนี้แหละ เพราะใคร่เล่าจะพึงรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่งนี้ การผลัดเพี้ยนกับพระยามัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีเลย มุนีผู้สงบระงับ ย่อมกล่าวสรรเสริญบุคคลผู้มีธรรมเป็น เครื่องอยู่ มีความเพียรเผากิเลสไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลาง คืนอย่างนี้นั้นแลว่า ผู้มีราตรีเดียวเจริญ ดังนี้แล้ว ได้บรรลุอรหัต เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.ทราบว่า ท่านพระโลมสติยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.








 เปิดอ่านหน้านี้  5718 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย