พระคุณของพระพุทธเจ้า (สัมมาสัมพุทโธและวิชชาจรณสัมปันโน) : หลวงปู่เทสก์

 จำปาพร  

พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

“สัมมาสัมพุทโธ” คือ เป็นผู้ตรัสรู้ “สัมพุทโธ” แปลว่า ตรัสรู้
สัมมา - โดยชอบ นี้เป็นบทต่อไป สัมมาสัมพุทโธ ตรัสรู้ชอบ
คำว่า ชอบ ในที่นี้คือ เห็นดีเห็นชอบ เห็นตามเป็นจริง
มันชอบอย่างคนเราเห็นน่ะอย่างเรามาพิจารณาถึงธรรมะเห็นจริงน่ะ
เห็นตามคำสอนพระองค์ แต่เรา “ละไม่ได้” ยังไม่เรียกว่า “เห็นชอบ”
ครั้นพระองค์เห็นชอบแล้วทุกอย่าง มันชอบแล้ว ดีแล้วทุกประการ
จึงค่อย “ละถอนได้” เห็นชอบอย่างพวกเรานี่ไม่ทันละไม่ทันได้ถอน
จะเรียกว่าเห็นชอบไม่ได้ เพียงแต่ว่า “เห็นตาม” เฉยๆ ยังไม่ทันถึงเห็นชอบ

บอก “สัมมาสัมพุทโธ” เป็น “ผู้เห็นชอบ” “ตรัสรู้ชอบ”
“ชอบด้วยพระองค์เอง” ด้วย ไม่มีใครสอน
ไอ้เรานี่พระพุทธเจ้าสอนสักเท่าไร ครูบาอาจารย์สอนเท่าไร
แต่มันก็ไม่เห็นชอบสักที ไม่เข้าถึงของจริงสักที ยังละทิ้งไม่ได้ ถอนไม่ได้
จึงไม่ได้เป็นสัมมาสัมพุทโธ พระพุทธเจ้าท่านเป็นสัมมาสัมพุทโธ

“วิชชาจะระณะสัมปันโน” ท่านว่าวิชชา ๓ วิชชา ๘
“จะระณาสัมปันโน - ถึงพร้อมด้วยจรณะ” คือ มารยาท
ความประพฤติปฏิบัติทุกอย่าง พระพุทธเจ้าท่านมีวิชชาแตกฉาน
รู้แจ้งเข้าใจตามเป็นจริงแล้วทุกสิ่งทุกประการแล้วท่าน “ปฏิบัติถูกต้อง”
เป็นที่น่ากราบไหว้และสักการะบูชา

“จรณะ” คือ ความประพฤติปฏิบัติ รู้เห็นอย่างใดปฏิบัติอย่างนั้น
ปฏิบัติอย่างใดก็จะได้เห็นอย่างนั้น ความรู้ความเห็นกับการปฏิบัติกลมกัน
ไม่เป็นเครื่องกระทบกระเทือน ไม่เป็นที่เหยียดหยามดูถูกของคนอื่น
ใครเห็นแล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงเรียกว่า “มีวิชชาและมีจรณะ"
พร้อมด้วยธรรมด้วยวิชชาจรณะ

5,576







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย