ทุกท่านที่เกิดมาเป็นคนนั้นจะทำอะไรถึงจะดี ก็จะขอสรุปว่า การที่เราเกิดมาเป็นคนนั้นไม่ใช่ดีเฉพาะโลกเดียว ดีมันต้องดี 2 โลก โลกที่แล้วไม่ต้องไปพูดถึง แต่ว่าโลกนี้และโลกหน้า "สุขในโลกนี้ และดีในโลกหน้า" จะทำอย่างไร เรื่องนิพพานก็ยังไม่อยากพูดถึง
"สุขในโลกนี้ และดีในโลกหน้า" ขอสรุปว่า "เกิดมาทั้งทีทำดี 3 กรรม เป็นทุนหนุนนำตายแล้วไปสวรรค์" นี่คือ "สุขในโลกนี้ และดีในโลกหน้า"
"ดี 3 กรรม" คืออะไร 1. กรรมกิจ 2. กรรมบท 3 . กรรมฐาน
"กรรมกิจ" ได้แก่ หน้าที่การงานต้องดี ต้องมีความรู้ รู้แล้วเป็น คือ ไม่ใช่รู้แล้วไม่เป็น ประเภทความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เมื่อเราทำกรรมกิจในฐานะที่เราเป็นกรรมกร คือทำหน้าที่การงาน ก็ต้องทำให้ประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานนั้น ก็มีเงินมีทองใช้จ่ายใช้สอยเป็นทุน อย่างนี้ "อยู่ก็ไม่ร้อน นอนก็ไม่ทุกข์" ลูกเมียก็สบาย ลูกผัวก็สบาย ดังนั้นเรื่องกรรมกิจนี้ก็หมายถึงว่า
" ทำแล้วมีเงินทองอย่างสมบูรณ์ " ก็มีความสุข
"กรรมบท" ข้อนี้เป็นข้อที่พัฒนาตนเองไปสู่ความเคารพนับถือ ได้แก่ มีศีล กรรมบทไม่ต้องไปพูดถึงอะไรมาก คือพูดถึง "ศีล" อย่างเดียว อย่างไรก็ตามไม้มีดอกผล คนต้องมีศีล เราจึงเห็นว่าศีลนั้นสำคัญ
1. ศีลส่งทำให้สูง 3. ศีลนำทำให้รวย
2. ศีลปรุงทำให้สวย 4. ศีลช่วยทำให้รอด
นี่ก็คือการเกิดมาเป็นคนต้องมีศีล เพราะศีลเป็นบันไดทองของชีวิต ทำให้เราได้รับความเคารพนับถือ คนไม่มีศีลนั้นใครจะไหว้ การจัดลำดับของคนนั้นเขาเรียกจัดลำดับตามศีล ไม่มีศีล เขาก็เรียก "ไอ้" เรียก "อี" แต่มีศีลเขาก็เรียก "พ่อ" เรียก "แม่" เรียก "คุณ" ดังนั้น กรรมบทเรื่อง "ศีล" เป็นเรื่องสำคัญ เป็นขั้นที่ 2
และสุดท้ายอีกกรรมคือ "กรรมฐาน" กรรมฐานคือ "สมถกรรมฐาน" ใจต้องนิ่ง ใจต้องแน่ ใจจะได้ไม่เน่า และเรื่องของวิปัสสนากรรมฐาน ต้องสว่างไม่ใช่มืดบอด เมื่อเรารู้เรื่องกรรมฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ไตรลักษณ์" ให้เห็นว่า
"อนิจจัง….ไม่เที่ยง"
"ทุกขัง….คงสภาพอยู่ไม่ได้"
"อนัตตา….ไม่ใช่ของเรา ต้องแตกสลายหายไปทุกคน"
ถ้า " 3 กรรม" นี้แล้ว "กรรมกิจ กรรมบท กรรมฐาน" ถือว่าเป็น "กรรมที่สมบูรณ์แบบ" อยู่ก็สบาย ตายก็ไปสู่สุคติ พระพุทธเจ้าสรรเสริญสำหรับบุคคลที่ทำ 3 กรรมนี้ จึงขอฝากให้ท่านทั้งหลายเอาไว้เป็นข้อคิด ข้อปฏิบัติ