เกิดมาเป็นคน ก็ต้องรู้จักปรุงชีวิต การปรุงชีวิตก็คือ ปรุงอารมณ์ของตัวเอง เพื่อจะเข้าไปอยู่กับคนอื่น ก็ให้นึกถึงแกงนึกถึงกับข้าว กับข้าวมันจะรสเดียวไม่ได้ คนที่มีอารมณ์เดียว เขาเรียกว่า "คนที่ไม่รู้จักปรุงชีวิต"
บางคน มีอารมณ์เปรี้ยวจัด คือ เป็นคนแก่น เขาเรียก "แก่แดด แก่ฟัก แก่แฟง แก่แตง แก่น้ำเต้า แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" อย่างนี้เปรี้ยวจัด ก็อยู่กับใครเขาไม่ได้
บางคน ก็เค็มจัด คือ ไม่จับจ่ายใช้สอย เหนียวคนขี้เหนียวที่เรียกว่า "เค็ม" ก็หวังว่า เอ๊ ถ้าเรารวมแล้ว เราก็จะค่อยจับจ่ายใช้สอย แต่ท่านทั้งหลายลองดูเกลือเถอะ เกลือเม็ดใหญ่ยิ่งเค็มมาก แล้วบางคนเค็มจัดนี่ ใครคบหาสมาคมเขาก็จะรู้สึกเค็มไป คือ ไม่มีการเสียสละ
บางคน ก็หวานจัด เจ้าชู้ไป โดยไม่เลือกวัยของตัวเอง และไม่เลือกว่าใครเป็นใคร ที่เขาบอกว่า เป็นผู้ชายคลำผู้หญิงแล้วไม่มีหางเป็นอันใช้ได้ อย่างนี้ก็หวานเกินไป จนเป็นที่ไม่วางใจ คนเขาก็ระแวง ระวังว่าคน ๆ นี้ มีนิสัยเจ้าชู้
บางคน ก็รสเผ็ดจัด คือ ดุไปหน่อย มันดุ มันโหดไปหน่อย การที่เป็นคนดู คนโหด จะไปอยู่กับใคร เขาได้ มันเผ็ด ใครเขาก็ต้องมีอันต้องซี๊ด ไม่ไหว คือ คน ๆ นี้ไม่ไหว เผ็ดจัด
บางคนก็ จืดไป อารมณ์จืดไป อยู่กับใครแล้วเหมือนเขาไม่มีความสนุกที่จะอยู่กับคนๆ นั้นเลย
ดังนั้น ท่านทั้งหลาย เอาอารมณ์ทั้งหลายนี้มารวมกัน ปรุงเป็นรสชาติของอารมณ์ของชีวิต เอาเปรี้ยว เอาหวาน เอามัน เอาเค็ม เอาเผ็ด เอาจืด มารวมกันเข้า ก็เป็นแกงหม้อหนึ่งที่บริโภคได้
คนก็เหมือนกัน ต้องรู้จักปรุงอารมณ์ หลาย ๆ สถานการณ์ จึงจะเป็นชีวิตที่สามารถ ที่คนอื่นจะบริโภค คืออยู่ร่วมด้วยได้…