เป็นเทวดาใช่หรือไม่

 azabu    

( 1 ) ผู้ที่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นที่1ถึง6เป็นเทวดาใช่หรือไม่ครับ
( 2 ) พวกเปรต อสุรกาย สัมภเวสี พวกนี้ถือว่าตกนรกใช่หรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ




คนทำดีไปสวรรค์ เมื่อตายไปรับผลของกรรมดี ท่านก็เรียกว่าเทวดา
ทำดีกว่านั้น เช่นฝึกภาวนาสมาธิ ตายไป แล้วเสวยผลกรรมนั้น ท่านก็เรียกว่า พรหม

ทำชั่วตกนรก เมื่อตายไปรับผลของกรรมชั่ว ท่านก็เรียกว่า สัตว์นรก เพราะอยู่ในนรก
หลังจากนั้นมา ก็มาเกิดเป็น เปรต อสูรกาย (รับผลของเศษกรรม) อยู่ระยะหนึ่ง
แล้วเกิดเป็นสัตว์เดรฉาน หรืออาจเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้แล้วแต่กรรมดีกรรมชั่วจะพาไป
เปรตและอสูรกายนี้ ถือว่าพ้นจากนรกแล้ว แต่ยังไม่พ้นจากเศษของกรรม

สัมภเวสี คือ ผู้ที่ตายก่อนหมดอายุขัย ผู้ที่แสวงหาที่เกิดอยู่ ผู้ที่เรร่อนอยู่ในภพภูมิหนึ่ง

เจริญธรรม




สัมภเวสี" คือ สัตว์ผู้ยังแสวงหาที่เกิด ซึ่งได้แก่ปุถุชนและ พระเสขะผู้ยังแสวงหาภพที่เกิดอีก หรือสัตว์ในครรภ์และในไข่ที่ยังอยู่ระหว่างจะเกิด



สัมภเวสี" ที่ว่า คือพวกที่ต้องแสวงหาพ่อแม่หรือแสวงหาที่เกิดนั้นพวกเราที่เป็นปุถุชนก็เป็น "สัมภเวสี" ด้วยกันทั้งนั้นเพราะยังไม่นิพพาน ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดหรือตายแล้วต้องเกิด หรือแสวงหาที่เกิดกันทุกคน..... แต่ที่บอกว่าเป็นวิญญาณที่เร่ร่อนยังหาที่เกิดไม่ได้นั้นและยังไม่เกิดนั้น...ไม่ถูกต้องตามพระอภิธรรมครับ... เพราะในพระอภิธรรมบอกว่า เวลาสัตว์ที่อยู่ใน 31 ภพภูมินั้นกำลังตายนั้น "จุติจิต" คือจิตขณะที่กำลังตายจะเกิดขึ้น....และเกิดขึ้น"ขณะ"เดียวเท่านั้น.... "ปฏิสนธิจิต" ก็จะเกิดต่อทันทีไม่มีจิตดวงใดมาคั่น....และเมื่อเกิด "ปฏิสนธิจิต" แล้วก็คือเกิดในภพใหม่แล้ว...คือ "จุติจิต" เกิด "ปฏิสนธิจิต" ต้องเกิดต่อทันที....ยกเว้นพระอรหันต์ที่ไม่มี "ปฏิสนธิจิต" เกิดต่อเพราะท่านไม่ต้องมาเกิดอีกแล้ว.......ดังนั้นที่บอกว่าตายแล้วยังไม่ไปเกิดนั้นไม่ถูกต้องครับ ส่วนที่บอกว่าเป็นวิญญาณหรือมีแต่วิญญาณเร่ร่อนนั้นก็ไม่ถูกอีกเพราะที่พูดถึงกันนี้คือ กามภูมิ คือ อบายภูมิ 4 มนุษย์ 1 และ เทวดาอีก 6 กามภูมินี้เป็นภูมิที่มีขันธ์ 5 ครบ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มีภูมิไหนที่ไม่มีรูปขันธ์ ดังนั้นที่บอกว่ามีแต่วิญญาณนั้นไม่ถูกต้องส่วนภูมิที่ไม่มีรูปขันธ์นั้นมีครับคือ "อรูปภูมิ" เป็นภูมิที่มีแค่ 4 ขันธ์ คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (สังขารขันธ์นั้นพระองค์หมายถึง เจตสิก ที่ปรุงแต่งจิตครับซึ่งเป็นนาม ไม่ใช่รูป) ดังนั้นการที่บอกว่ามีแต่วิญญาณเร่ร่อนและยังไม่เกิดนั้นก็ไม่ถูกต้อง......ที่ถูกคือ (กามภูมิปุถุชน) ตายแล้วต้องเกิดทันทีไม่มีระหว่างคั่น.....คำว่า "สัมภเวสี" นั้นหมายถึงเราทุกคนที่เป็นปุถุชนที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่.....ไม่ใช่ผีหรือวิญญาณเร่ร่อนอย่างที่เข้าใจกัน.

...ยังมีอีกคำหนึ่งที่พูดกันสับสน คือ " โอปปาติก" บางคนก็บอกว่าเป็นพวกเทวดาเป็นผีหรือเปรตหรืออสูรกายที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่จริงตามนัยแห่ง พระอภิธรรมเป็นชื่อแห่งกำเนิด 4 คือ ที่ที่สัตว์จะอาศัยเกิด มี4 คือ

1) ชลาพุชกำเนิด คือพวกที่อาศัยเกิดในท้องมารดาแล้วคลอดมาเป็นตัวเลย

2) อัณฑชกำเนิด คือ พวกที่อาศัยท้องมารดาเหมือนกันแต่ออกมาเป็นฟองไข่ไม่ได้ออกมาเป็นตัว

3) สังเสทชกำเนิด คือ ไม่ได้อาศัยเกิดจากท้องมารดา แต่อาศัยเกิดจากต้นไม้ดอกไม้ โลหิต หรือที่เปียกชื้น เกิดมาก็เล็กเป็นทารก แล้วจึงค่อยๆเติบโตขึ้นมาเช่นนาง จิญจมานวิกา เกิดจากต้นมะขาม นางปทุมวดีเกิดจากดอกบัวและโอรสของนางปทุมวดีรวม 499 องค์ เกิดจากโลหิตเป็นต้น

4) โอปปาติกกำเนิด ไม่ได้อาศัยเกิดจากท้องมารดา ไม่ได้อาศัยสิ่งใดเกิด แต่เกิดโดยโผล่ขึ้นมา และโตใหญ่เต็มที่ในทันทีทันใดเลย สัตว์ที่เป็นโอปปาติกกำเนิดได้แก่

ก) มนุษย์ มีสมัยต้นกัปป์

ข) เทวดาทั้งหมด ๖ ชั้น (เว้นเทวดาชั้นต่ำ ที่เกิดได้ทั้งชลาพุช,อัณฑช,สังเสทชกำเนิด)

ค) พรหมทั้งหมด

ง) สัตว์เดรัจฉาน (ซึ่งมีกำเนิดได้ทั้ง 4 )

จ) เปรต (ซึ่งมีกำเนิดได้ทั้ง 4 ยกเว้น นิชฌามตัณหิกเปรต ที่มีโอปปาติกกำเนิดเพียงอย่างเดียว)

ฉ) อสูรกาย (ซึ่งมีกำเนิดได้ทั้ง 4)

ดังนั้นคำว่า "โอปปาติก" คือชื่อกำเนิด 1 ใน 4 กำเนิด ไม่ใช่พวก "อมนุษย์" เท่านั้น เพราะมนุษย์ ก็เกิดโดย "โอปปาติก" ได้ ในสมัยมนุษย์ต้นกัปป์

http://www.geocities.com/southbeach/terrace/4587/sampa.htm


สับสนเหมือนกันครับกับคำว่าสัมภเวสี
(1) ถ้าสัมภเวสีตามคำตอบที่ 1ก็จะขอถามว่า..ที่ว่าเป็นวิญญาณเร่รอนยังหาที่เกิดไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงขัดกับคำที่ว่าคนเราตายแล้วต้องไปเกิดทันทีเป็นโอปาติกะ แต่ทำไมต้องเป็นสัมภเวสีเป็นวิญญาณที่เร่ร่อน ก็แสดงว่าวิญญาณที่เรียกว่าสัมภเวสีไม่มีร่างอาศัยใช่หรือไม่ครับ คำถามข้อนี้ผมเองอาจเข้าใจผิดเองก็ได้ ถ้าเข้าใจผิดไปต้องขอโทษด้วยครับ
(2) ตามคำตอบที่ 2 คำว่าสัมภเวสีหมายถึง เราทุกคนที่เป็นปุถุชนที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่.....ไม่ใช่ผีหรือวิญญาณเร่ร่อนอย่างที่เข้าใจกัน.

..แล้วคำว่าสัมภเวสีที่ถูกต้องคืออะไรครับ...ขอขอบคุณตอบคำที่ 1 และ 2 มากๆครับ


ตานี้ สำหรับผู้ที่ตายไปแล้วด้วยการถูกฆ่าเราเรียกกันว่าสัมภเวสี เฉพาะบางท่านนะ บางท่านก็ไม่ใช่สัมภเวสี อย่างพระอรหันต์ก็กล่าวมาแล้วว่าถูกวัวขวิดตาย หรือตายด้วยอุบัติเหตุ เวลาตายแล้วท่านไปนิพพานเลย อย่างนี้ไม่เรียกกันว่าสัมภเวสี

สำหรับพวกที่เรียกกันว่าสัมภเวสีก็มีอยู่ว่า เวลาตายแล้ว ด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม ยังไม่ครบอายุขัยที่ยังไปยังเข้าไม่ได้ จะไปนรกก็เข้านรกไม่ได้ จะไปเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน หรือเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม อย่างนี้ ไปไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาจะไป ก็เลยต้องท่องเที่ยวไป เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป ไปหิวโซเซๆ พวกนี้พวกหมอผีชอบเรียกเอาไปเลี้ยง เพราะว่าแกลำบาก

เมื่อมีใครเขานำไปเลี้ยง แกก็ต้องไปเหมือนกะเขานั่นแหละ เข้าบ้านโน้นก็ไม่ได้ เข้าบ้านนี้ก็ไม่ได้ อาหารที่จะกินก็ไม่มี ถ้ามีใครพามาชวนเข้าก็ไป ยังไงๆ ก็คิดว่าทำงานให้เขาเพียงแค่กินอิ่มก็พอ นี่มีสภาพเหมือนกันนะ ผีกับคน ผีก็เหมือนคนเพราะไอ้ผีนั่นคือจิตใจของคนที่มันเคลื่อนออกจากร่าง สภาพความรู้สึกมันก็เหมือนกัน ไม่แตกต่างกับของเดิม วันนี้จะมาเล่ากันถึงเรื่องสัมภเวสี คือว่า คนตายยังไม่ครบอายุที่จะตาย

http://www.luangporruesi.com/587.html

======

ตายแล้วเกิดเป็นเป็นสัมถเวสี ก็เหมือนการเกิดทั่ว ๆ ไป แต่ผลของกรรมยังไม่ได้รับเต็มที่นั่นเอง
เหมือนคนอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำงาน ไปที่ไหน ใครเขาก็ไม่รับ ต้องเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ ก่อน

เจริญธรรม


ถ้ายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่เป็นสัมภเวสีทั้งนั้นละครับไม่ว่าคนสัตว์เปตรเทวดาพรหม

มีผู้เดียวที่ไม่ใช่สัมภเวสี คือพระอรหันต์
นอกนั้นเป็นสัมภเวสีหมดอ่ะคับ

ตามคำตอบข้างบนครับอ่านไห้ดี



(มาจากพระไตรปิฏกครับ ) ขอแก้ข่าวครับมาจาก"พจนานุกรมพุทธศาสนํ" ฉบับ ประมวลศัพท์ ของ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) อยู่ในคำว่า "ภูตะ" หน้า 207 ท่านอธิบายไว้ว่า...



สัมภเวสี มาจาก สมฺภเวษินฺ
เป็นความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ว่า หมายถึงคนที่ตายแล้ววิญญาณกำลังแสวงหาที่เกิด
แต่ยังไม่ได้เกิดในกำเนิดใด กำเนิดหนึ่ง

ยังไม่พบคำนี้ (สัมภเวสี) ในพระไตรปิฎกค่ะ

คงต้องขอความอนุเคราะห์ท่าน *8q* DT07501 ช่วยสงเคราะห์
บอกชื่อเล่ม ชื่อพระสูตร หน่อยนะคะ อยากทราบเจ้าค่ะ

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

     เจริญในธรรมเจ้าค่ะ     





แต่ถ้านำมาจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) หรือ พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
แล้ว ท่านแปลความหมายของสัมภเวสีไว้อย่างที่ท่าน *8q* DT07501 กล่าวค่ะ

แต่ไม่ใช่พระไตรปิฎกนะคะ
ตามที่ลิงค์ให้นี้ค่ะ

http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CA%D1%C1%C0%E0%C7%CA%D5&detail=on







สำหรับ โอปปาติกะ
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์


[๑๖๙] ดูกรสารีบุตร กำเนิด ๔ ประการเหล่านี้แล ๔ ประการเป็นไฉน? คือ
อัณฑชะกำเนิด ชลาพุชะกำเนิด สังเสทชะกำเนิด โอปปาติกะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร ก็อัณฑชะกำเนิดเป็นไฉน?
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ชำแรกเปลือกแห่งฟองเกิด นี้เราเรียกว่า อัณฑชะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร ชลาพุชะกำเนิดเป็นไฉน?
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นใด ชำแรกไส้เกิดนี้เราเรียกว่า ชลาพุชะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร สังเสทชะกำเนิดเป็นไฉน?
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นใดย่อมเกิดในปลาเน่า ในซากศพเน่า ในขนมบูด
หรือในน้ำครำ ในเถ้าไคล นี้เราเรียกว่า สังเสทชะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร โอปปาติกะกำเนิดเป็นไฉน?
เทวดา สัตว์นรก มนุษย์บางจำพวก และเปรตบางจำพวก นี้เราเรียกว่า โอปปาติกะกำเนิด

ดูกรสารีบุตรกำเนิด ๔ ประการเหล่านี้แล



http://84000.org/tipitaka/read/?12/169/147


ขออะภัยครับท่านหิ่งห้อยน้อยและทุกท่าน รีปไปหน่อย

พิมพ์ผิดไปครับกระผมขอรับผิดครับ



พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 567


สัตว์เหล่าใดกำลังแสวงหาการเกิด สัตว์เหล่านั้น ชื่อว่า สัมภเวสี

คำว่า สัมภเวสี นี้ เป็นชื่อของพระเสขะและปุถุชนผู้กำลังแสวงหาการเกิด

ต่อไป เพราะยังละสังโยชน์ในภพไม่ได้.




พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 51

อรรถกถาอาหารสูตรที่ ๑

ชื่อว่า สัมภเวสี เพราะแสวงหาภพที่เกิด.

คำนั้น เป็นชื่อของพระเสขะ และปุถุชนผู้แสวงหาภพต่อไป เพราะ

ยังละภวสังโยชน์ไม่ได้ ด้วยอาการอย่างนี้ กิเลสภวสังโยชน์นั้น จึง

ยึดสรรพสัตว์ไว้


http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=5265


 4,158 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย