01-010 เจริญสติปัฏฐาน ๔-ปฏิจจสมุปบาทโดยย่อ-ฟังธรรมพร้อมปฏิบัติ
ผู้บรรยายธรรม : หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
คอร์ส/หลักสูตร : นำปฏิบัติกรรมฐาน
01-010 เจริญสติปัฏฐาน ๔-ปฏิจจสมุปบาทโดยย่อ-ฟังธรรมพร้อมปฏิบัติ
โดย หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เสียงธรรมนี้เหมาะสำหรับฟังขณะเจริญภาวนา จะมีเสียงเงียบยาวเป็นช่วงๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้พิจารณา สังเกตสภาวธธรรมต่างๆ เป็นปัจจุบันตามความเป็นจริง โดยมีเสียงท่านเจ้าคุณพระภาวนาเขมคุณ วิ. (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี) พระวิปัสสนาจารย์ เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนั่งปฏิบัติกรรมฐานและสอนนำลูกศิษย์ไปด้วย
คลิปนี้พระอาจารย์ท่านสอนให้ปรับร่างกายให้สบาย ปรับจิตใจให้สบาย ร่างกายไม่เกร็ง ไม่เคร่งเครียด จิตใจก็ให้ปล่อย-ให้วาง จิตใจ สละ ละ วาง ไม่ทะยานอยาก ทำใจไม่เอาอะไรทั้งหมด สละละวางทุกสิ่งทุกอย่าง
ระลึกเข้ามาสู่สังขาร คือร่างกายและจิตใจของตนเอง
เจริญสติปัฏฐาน ๔:
พิจารณากายในกาย:
ระลึกสังเกตท่าที่นั่ง ตั้งกายไว้อย่างไร สังเกตรู้
กายนี้ก็สักแต่ว่ากาย สักแต่ว่าเป็นธรรมชาติไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา
พิจารณาเวทนาในเวทนา:
มีความรู้สึกเวทนาที่เกิดขึ้น มีความสบาย-ความไม่สบาย สบายกาย-ไม่สบายกาย สบายใจ-ไม่สบายใจ
สติระลึกรู้ความสบายความไม่สบาย เหล่านี้เป็นเวนาขันธ์
เวทนาก็สักแต่ว่าเวทนา ให้พิจารณาเห็นว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา มีความเกิดขึ้นโดยธรรมดา มีความเสื่อมไปดับไปโดยธรรมดา บังคับบัญชาไม่ได้
พิจารณาจิตในจิต:
พิจารณาเห็นสัญญาความจำได้หมายรู้ ความจำได้หมายรู้ประกอบอยู่กับจิต พิจารณาว่าไม่ใช่ตัวเรา-ของเรา สักแต่ว่าเป็นนามธรรม เป็นธรรมชาติที่จำได้หมายรู้ รู้แล้วหมดไป เกิดใหม่ หมดไป ไม่ใช่ตัวตน
ระลึกสังเกตสังขารที่ปรุงแต่งจิต ประกอบอยู่กับจิต
มีอาการ มีปฏิกิริยา มีความรู้สึกต่างๆ เป็นสังขารคือปรุงแต่ง
ปรุงแต่งให้รั-กปรุงแต่งให้ชัง
ปรุงแต่งให้กลัว
ปรุงแต่งวิตกกังวล
ปรุงจิตทำให้จิตคิดปรุงแล้วก็คิดนึก
พิจารณาดูสังขารที่ปรุงแต่งจิต ว่าไม่ใช่ตัวตน
พิจารณาดูจิตวิญญาณเป็นสภาพรู้ เป็นนามธรรม
ธรรมชาติที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นจิต
เป็นนามธรรม เป็นสักแต่ว่าธรรมชาติไม่ใช่ตัวเราของเราเหมือนกัน
พิจารณาธรรมในธรรม:
มีเสียงดังมา-ได้ยินเกิดขึ้น
ได้ยิน-ได้ยินก็ดับไป
เสียงก็ไม่ใช่ตัวเราของเรา
ได้ยินก็ไม่ใช่ตัวเราของเรา สักแต่ว่าเป็นธรรมชาติ
ความเย็นร้อนอ่อนแข็งหย่อนตึงกระทบกาย
รู้สึกขึ้น.. ก็เสื่อมสลาย ดับสลายไป
เกิดขึ้นใหม่-กระทบใหม่. ดับไป-กระทบใหม่
ดับไป ก็ไม่ใช่ตัวเราของเราอีก
พิจารณาเข้าหาความจริง ปล่อยวางไม่เอาอะไร แต่ใส่ใจสังเกตรู้ธรรมชาติที่เป็นเหตุเป็นผล
สิ่งนี้เกิดเป็นปัจจัยให้อีกสิ่งหนึ่งเกิด
สิ่งนี้ดับเป็นปัจจัยให้สิ่งนี้ดับ
สิ่งทั้งหลายมีความเกิดขึ้นด้วยเหตุด้วยปัจจัย
ดับไปก็เพราะดับเหตุปัจจัย
มีตัณหาก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เมื่อดับตัณหา-สิ้นตัณหา ก็เข้าถึงความดับทุกข์
ตัณหาคอยเคลือบใจอยู่ ให้พอใจ-ติดใจ
๑. การพอใจ-ติดใจในความมี-อยากมี
๒. การพอใจ-ติดใจในความเป็น-อยากเป็น
๓. การพอใจ-ติดใจ-อยากได้ในความไม่มี-ไม่เป็น
สามอย่างนี้เป็นตัญหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ สร้างภพชาติ สร้างขันธ์ 5 เพราะตัณหานี่เอง
ตัญหาเกิดเพราะไม่รู้ ไม่มีปัญญารู้แจ้ง เพราะความหลง ความไม่รู้ตามความเป็นจริง
ถ้าสาวไปแล้วต้นทางมาจากความไม่รู้นี่เอง
แต่ถ้าโดยความละเอียดสืบต่อกันมาก็ยังมีขั้นตอนอยู่ (ปฏิจจสมุปบาท)
ตัณหาเกิดขึ้นมาก็เพราะมีเวทนาเสวยสุข-ทุกข์ หรือเฉยๆ
เพราะมีเวทนาตัณหาจึงเกิด
ตัญหาเกิดเพราะขาดสติปัญญา
ถ้ามีสติปัญญารู้ กำหนดดู ก็ตัดกันไป
ถ้ามีปัญญา มีสติปัญญารู้เท่าทันระวัง ถึงจะมีเวทนา มีสุข-มีทุกข์-มีเฉยๆ แต่ตัญหาก็ไม่เกิด
เวทนาเกิดขึ้นมาสักแต่ว่ามีผัสสะ
มีผัสสะขึ้นมา มีการกระทบอารมณ์ เวทนาก็เกิดขึ้นได้ ไม่ได้มีใครดลบันดาล
เพราะประจวบเหตุปัจจัย คือการเกิดผัสสะ
ผัสสะทางกาย-ผัสสะทางใจ
ผัสสะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
การที่มีผัสสะก็เพราะมีอายตนะภายใน ถ้าไม่มีอายตนะภายในก็ไม่มีผัสสะ
มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีใจ จึงมีการผลัดกระทบอารมณ์
มีรูปนามก็เพราะมีวิญญาณ
มีวิญญาณก็เพราะมีสังขาร
สังขารมีเพราะมีอวิชชาความไม่รู้
ดังนั้นตัญหาที่จริงต้นขั้วมันก็คืออวิชชาความไม่รู้ตามความเป็นจริง
จึงต้องปฏิบัติให้เกิดปัญญา เกิดความรู้ขึ้น รู้แจ้งเห็นจริง รู้ทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง สักแต่ว่าเป็นรูปเป็นนาม ไม่ใช่ตัวตน
ให้เกิดปัญญาความรู้ขึ้น
เห็นสังขารไม่เที่ยง
เห็นสังขารเป็นทุกข์
เห็นธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นวิชา-เป็นปัญญา-เป็นวิปัสสนาญาณเกิดขึ้นในที่สุด
หมายเหตุ: ข้างต้นนี้เป็นคำสอนพระอาจารย์ในคลิปนี้ แต่ไม่ใช่การถอดคำสอนคำต่อคำ แต่เนื้อหาไม่เปลี่ยนแม้มีการเรียบเรียงใหม่บ้างเล็กน้อยตามแบบภาษาเขียน โปรดฟังจากต้นฉบับเสียงให้จบนะคะ คลิปนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ปฏิบัติ พระธรรมที่พระอาจารย์ถ่ายทอด มีสภาวะรองรับทั้งหมดทุกคำพูด ผู้ปฏิบัติจะทราบได้ด้วยตนเอง..
ขอให้ท่านและครอบครัวของท่านจงประสบแต่ความสุขสงบ
และมีความเจริญในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
อนุโมทนาสาธุ
ที่มา : https://www.youtube.com/@WirangrongDabbaransi