01-004 ดูความปรุงแต่ง--ฟังธรรมพร้อมปฏิบัติ หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี นำเจริญกรรมฐาน
ผู้บรรยายธรรม : หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
คอร์ส/หลักสูตร : นำปฏิบัติกรรมฐาน
01-004 ดูความปรุงแต่ง--ฟังธรรมพร้อมปฏิบัติ
หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี นำเจริญกรรมฐาน
เสียงธรรมนี้เหมาะสำหรับฟังขณะเจริญภาวนา จะมีเสียงเงียบยาวเป็นช่วงๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้พิจารณา สังเกตสภาวธธรรมต่างๆ เป็นปัจจุบันตามความเป็นจริง โดยมีเสียงท่านเจ้าคุณพระภาวนาเขมคุณ วิ. (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี) พระวิปัสสนาจารย์ เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนั่งปฏิบัติกรรมฐานและสอนนำลูกศิษย์ไปด้วย
คลิปนี้พระอาจารย์ท่านสอนให้พิจารณาสังเกตกายในกายอยู่ อันมีลมหายใจเข้าออก มีอิริยาบถนั่ง ตามดูรู้เท่าทันทุกขณะของการหายใจเข้า-หายใจออก
ปรับผ่อนลมหายใจเข้าออกให้สบาย เข้ารู้-ออกรู้ ประคับประคองอยู่ รับรู้ดูอย่างสบายๆ ปล่อยวางอย่างสบายๆ ไม่พ่ง ไม่เผลอ ปรับสภาพจิตใจให้ปล่อยวาง อย่าบังคับอย่าทะยานอยากอะไรทั้งหมด
ปฏิบัติเพื่อสละ เพื่อปล่อย เพื่อวาง ไม่ใช่เพื่อจะเอาให้ได้
จิตที่จะเอาให้ได้ เป็นกิเลส เป็นตัญหา...
ให้รู้ตัว.... ละวาง ปล่อยวาง วางใจไม่เอาอะไรทั้งหมด
กำหนดรู้อยู่อย่างปกติ ....
สังเกตความรู้สึกเวทนาที่ปรากฏ
ความสบาย ความไม่สบาย
สบายก็รู้ความสบาย ไม่สบายก็รู้ความไม่สบาย
พิจารณาจิตใจในสภาพต่างๆ
จิตมีราคะไหม
จิตมีราคะก็รู้ลักษณะของจิตที่มีราคะ
จิตจิตไม่มีราคะก็รู้ลักษณะของจิตที่ไม่มีราคะ
หรือจิตมีโทสะอยู่ก็รู้ลักษณะที่จิตมีโทสะอยู่
จิตปราศจากโทสะก็รู้ลักษณะของจิตที่ปราศจากโทสะ
จิตมีโมหะ มีความหลงอยู่ ก็รู้ลักษณะของจิตที่มีความหลงอยู่
จิตเผลอจิตหลงให้รู้
จิตไม่หลง จิตมีสติก็ให้รู้
หรือจิตมีความฟุ้งซ่านก็รู้ลักษณะของจิตที่มีความฟุ้งซ่านอยู่
จิตหายจากความฟุ้งซ่านก็รู้ลักษณะว่าจิตมีลักษณะหายจากความฟุ้งซ่าน
จิตมีความหดหู่ มีความท้อแท้ท้อถอย ก็ดูลักษณะของจิตที่มีความหดหู่มีความท้อแท้ท้อถอยมีลักษณะอย่างไรก็ใส่ใจระลึกสังเกตอยู่
จิตคลายออกหายจากความท้อแท้ก็รู้ลักษณะของจิตที่หายจากความท้อแท้ท้อถอย
จิตมีความเพียรขึ้นก็รู้
จิตสงบ จิตตั้งมั่นก็รู้ลักษณะของจิตที่มีความสงบมีความตั้งมั่นอยู่
จิตที่ไม่สงบก็ระลึกรู้ถึงความรู้สึกของจิตที่ไม่สงบ
ยังมีจิตที่ยิ่งกว่านี้... ก็รู้.....
จิตหลุดพ้น จิตไม่หลุดพ้นให้รู้
บางทีจิตก็ยังตกอยู่ในอำนาจของกิเลสอยู่ ยังไม่หลุดไปได้
ขณะที่จิตหลุดไปได้ก็รู้ลักษณะของจิตที่หลุดไป....
หลุดได้ชั่วขณะหนึ่งๆ บ้าง
หลุดไปได้ระยะยาวๆ บ้าง แต่ก็ยังไม่เด็ดขาด
ก็รู้สภาพจิตใจที่มีลักษณะเป็นไปต่างๆ
สภาพธรรมที่ปรากฏในจิตใจ
จิตมีราคะเกิดขึ้น ก็รู้ว่าราคะเกิดขึ้นในจิตใจ
เกิดขึ้นเพราะเหตุอันใด?
เพราะความคิดความปรุงแต่ง ก็รู้ รู้ว่านี่คิดปรุงแต่งจนเกิดราคะ
มีสติกำหนดรู้ราคะ
ราคะหายไปก็รู้ว่าราคะหายไป คลายไปหมดจากจิตใจ เพราะมีสติอยู่
เพราะรู้อยู่ ก็รู้อยู่ว่ามีสติอยู่....
เมื่อเกิดความโกรธความพยาบาทขึ้นในจิตใจ ก็รู้ลักษณะว่าพยาบาทกำลังเกิดขึ้นในจิตใจอยู่ขณะนี้
เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เพราะมีปฏิฆะนิมิต ความไม่แยบคาย มีการคิดไปในทางไม่ดี คนนั้นคนโน้นทำไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้กับตัวเรา ก็เกิดความโกรธความพยาบาท
ก็รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ เพราะความคิดในทางไม่ดีก็โกรธก็พยาบาท รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้
เมื่อความพยาบาทจางไป หายไปจากจิตใจ ก็ดูสภาพของจิตที่หายไปจากโทสะ หายจากความพยาบาทมีสภาพอย่างไร มันหายไปได้อย่างไร?หายเพราะการพิจารณาโดยแยบคาย....
การมีสติ
การมีเมตตาเกิดขึ้น
การรู้เท่าทัน
การปล่อยวาง
การพิจารณาในทางปรารถนาดี
การให้อภัย
การไม่ถือสา
ก็รู้ลักษณะของเหตุปัจจัยที่ทำให้ความโกรธความพยาบาทคลายไป สิ้นไป
เมื่อความฟุ้งซ่านเกิดขึ้นในจิตใจก็รู้ลักษณะว่าความฟุ้งซ่านกำลังเกิดขึ้นในจิตใจ ดูลักษณะความฟุ้งซ่านมีอาการอย่างไร รู้ก็รู้ไปเฉยๆ รู้อย่างปล่อยวาง
ความฟุ้งซ่านเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
ความที่ใจยาก....
อยากจะสงบอยากจะให้ได้ พอไม่ได้ก็ฟุ้งซ่าน
หรือว่าจิตปรุงแต่งคิดมากเลยฟุ้งซ่าน
ก็รู้ว่านี่มันคิดมาก ปล่อยให้คิดไปเรื่อยไม่รู้ตัว
ฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ก็รู้ความฟุ้งซ่าน ดูความฟุ้งซ่านอย่างปล่อยวาง วางเฉยไม่ว่าอะไร ฟุ้งก็ฟุ้งไป ดูไปเฉยๆ....
ความฟุ้งอย่างหนึ่ง ผู้รู้ฟุ้งก็อีกอย่างหนึ่ง....
ผู้รู้ไม่ฟุ้งไม่ทุกข์ด้วย ดูไปเฉยๆ ความฟุ้งซ่านหายไปคลายไป ก็รู้ว่าความฟุ้งซ่านหายไปจากใจ
หายไปเพราะเหตุใด?
เพราะมีสติ เพราะไม่ปรุงแต่ง เพราะปล่อยวาง....
ก็รู้ว่า....นี่ปล่อยวาง ได้ มีสติอยู่
พิจารณาโดยแยบคาย
คราวใดเกิดความท้อแท้ ท้อถอยขึ้นในจิตใจ ก็รู้ว่าความท้อท้อถอยกำลังเกิดขึ้นในจิตใจ...ก็ดูไป...
ง่วงเหงาเศร้าซึมปรากฏขึ้นในใจ
ก็รู้ว่าเกิดความง่วงเหงาเศร้าซึมท้อถอยท้อแท้
รับรู้ปล่อยวางวางเฉยพิจารณาสังเกต
เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
ความที่ใจขาดความเพียร ใจไม่สงบ ใจไม่มีปิติ ใจสิ้นหวัง ใจหมดกำลังใจ
รู้ตัวรู้ใจก็ปล่อยวางวางเฉย.....
ถ้าความท้อถอยคลายไปจากใจ ก็รู้ว่านี่ใจเกิดความเพียร เกิดกำลังใจขึ้น
บางคราวเกิดสงสัยขึ้นมาในใจ
ก็รู้ลักษณะของความสงสัย ลังเลใจ ความไม่แยบคายที่เกิดขึ้นปรากฏในใจ.....
รู้เท่าทันระวังไป ความสงสัยหายไปจากใจก็รู้....
หมายเหตุ: ข้างต้นนี้เป็นบางส่วนของคำสอนพระอาจารย์ในคลิปนี้ แต่ไม่ใช่การถอดคำสอนคำต่อคำ
ขอเชิญรับฟังทั้งคลิปเต็มพร้อมปฏิบัติ
ขอให้ท่านเจริญในธรรม
อนุโมทนาสาธุค่ะ
ต้นฉบับเสียงธรรมนี้ได้รับความเมตตาอนุญาตจากพระอาจารย์ หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี ให้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทานได้
เสียงนกและเสียงอื่นๆ ในคลิปนี้เป็นเสียงธรรมชาติในขณะที่พระอาจารย์กำลังนำปฏิบัติกรรมฐาน ผู้จัดทำไม่ได้เพิ่มเติมเสียงอื่นใดแต่อย่างใด
Producer: Wirangrong Dabbaransi-วิรังรอง ทัพพะรังสี-Studio DAnalaya
ที่มา : https://www.youtube.com/@WirangrongDabbaransi