เราเคยมีความรู้สึกว่าเราดีกว่าเขาสูงกว่าเขาไหม เราเคยดูถูกดูแคลนคนอื่นไหม ทำไมเราจึงรู้สึกอย่างนั้น และความรู้สึกประเภทนั้นยังมีอยู่หรือไม่
ความถือตัว (‘มานะ’ และ ‘อติมานะ’) เป็นกิเลสที่ละเอียดลึกซึ้งมาก การถือตัวถือตน ทะนงตน ถือว่าดีกว่าเขา สูงกว่าเขา เสมอกับเขา หรือด้อยกว่าเขา เอาคนอื่นเป็นเครื่องวัดตัวเอง แม้แต่พระอริยเจ้าระดับต้นๆ คือพระโสดาบันยังไม่สามารถปล่อยวางได้ ต้องเป็นพระอรหันต์จึงจะละได้หมด เราต้องดูว่าเราเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่นเพื่ออะไร หากเปรียบเทียบความสามารถหรือผลงานของเขา เพื่อเป็นกำลังใจว่า ‘เออ! เขาทำได้ เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน’ อย่างนี้ถือเป็นการเอามานะอ่อนๆ มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อชนะมานะที่ร้ายกว่า
มานะที่น่าเกลียดที่สุด คือ ‘อติมานะ’ การดูถูก ดูหมิ่น ดูแคลนคนอื่น เช่น การเหยียดผิว การมองคนชาติอื่นว่าต่ำกว่าเรา เกือบทุกชาติในโลกนี้ ต้องมีการล้อเลียนชาติใดชาติหนึ่งว่าเขาต่ำกว่าเรา ราวกับว่าเราจะมั่นใจได้ว่าเราดีก็เมื่อมีคนอื่นที่ดีสู้เราไม่ได้ ในประเทศตะวันตก คนผิวขาวที่ยากจนสิ้นหวังในชีวิต เหมือนเขามีความรู้สึกพยาบาทคับแค้นใจ แต่ไม่รู้จะไปลงที่ใคร ก็เลยโทษคนผิวดำบ้าง โทษคนต่างชาติบ้าง ทำให้เกิดปัญหาสังคมมากมาย การเอาเรื่องสีผิวเรื่องชาติตระกูลอะไรต่างๆ เป็นตัวเอกในการดูถูกคนอื่นหรือคนกลุ่มอื่น เป็นกิเลสที่เป็นปัญหาระดับโลก เราต้องระมัดระวัง ต้องถามตัวเองตรงๆ ว่า เราเคยมีความรู้สึกว่าเราดีกว่าเขาสูงกว่าเขาไหม เราเคยดูถูกดูแคลนคนอื่นไหม ทำไมเราจึงรู้สึกอย่างนั้น และความรู้สึกประเภทนั้นยังมีอยู่หรือไม่
พระอาจารย์ชยสาโร