เมื่อทำกรรม ก็ต้องมีปัจจัยสามัคคี ให้มีความพรั่งพร้อมของปัจจัย แล้วผลจึงจะเกิดอย่างที่ต้องการ


ผลทุกอย่างในโลกนี้ก็เช่นเดียวกัน ต้องมีปัจจัยสามัคคี อย่างโยมทำกรรมดี หลายท่านพูดว่าฉันทำดีแล้วไม่เห็นได้ดี โยมเคยสำรวจไหมว่าได้ทำปัจจัยพร้อมหรือเปล่า

เราทำเหตุอย่างเดียว อย่าไปนึกว่าจะได้ผลที่ต้องการ ต้องดูผลเป็นลำดับ ผลของกรรมนั้นโดยตรงเกิดได้ทันที แต่ผลที่ออกไปสู่ความชื่นชมของคนอื่น ผลในการที่สังคมนิยมชมชอบ ผลในแง่ของการได้ผลตอบแทน เป็นต้นเป็นผลต่างด้าน ซึ่งต้องอาศัยปัจจัยจำเพาะด้านนั้นๆ มาประกอบ เมื่อปัจจัยพรั่งพร้อมแล้วจึงจะเกิดผล ผลก็เกิดตามความพร้อมของปัจจัยนั้นๆ

เพราะฉะนั้น คนที่จะทำกรรมให้ได้ผลดี นอกจากมีความดีแล้ว ก็ไม่ใช่เอาแต่คิด ต้องมีปัญญาด้วย เพื่อจะได้มาตรวจสอบปัจจัยที่ตนทำว่า มันพร้อมที่จะให้เกิดผลที่เราต้องการหรือไม่ เมื่อมันไม่พร้อม ขาดตกตรงไหน ก็จะได้ทำให้พร้อมในคราวต่อไป ก็จะปรับปรุงทำกรรมให้เป็นกุศลยิ่งขึ้น ถ้าใช้ภาษาปัจจุบันก็เรียกว่า "พัฒนากรรม"

ถ้ามัวร้องโอดโอยว่าทำกรรมดีแล้วไม่ได้ผลดี อย่างนี้ก็ยากเพราะคิดไม่เป็น ก็ไม่ได้ผลอยู่นั่นแหละ เพราะไม่เคยสำรวจตรวจสอบตนเอง เมื่อทำกรรม ก็ต้องมีปัจจัยสามัคคี ให้มีความพรั่งพร้อมของปัจจัย แล้วผลจึงจะเกิดอย่างที่ต้องการ

หนังสือ กฐินมา บอกทางแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี
โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

3,159







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย