ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิต



"ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ อาตมานั่งมองทิวไม้เขียวขจีในชนบทอังกฤษจากเบาะหลังรถโยมพ่อโยมแม่ หลังเดินทางออกจากอังกฤษหกปี อาตมากลับมาเยี่ยมโยมพ่อโยมแม่เป็นครั้งแรกในฐานะพระภิกษุ และเรากำลังขับรถกลับบ้านกัน ระหว่างนั้นมีอยู่ช่วงหนึ่งที่อาตมาเล่าเรื่องขำขันให้โยมฟัง โยมต่างหัวเราะ แล้วอาตมาก็เห็นว่าไหล่ของโยมพ่อที่เกร็งอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง “อย่างน้อยที่สุด” โยมพ่อพูดเหมือนกึ่งๆ รำพึงกับตัวเอง ”ลูกก็ยังไม่ลืมอารมณ์ขัน” อาตมาจึงตระหนักได้ว่า ที่ผ่านมาเรื่องนี้น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่โยมพ่อกังวลใจมากที่สุด

แล้วอาตมาก็เริ่มระลึกขึ้นได้ว่า สมัยเป็นวัยรุ่น เคยสร้างความทุกข์ใจให้โยมพ่อโยมแม่มากแค่ไหนกับการไว้ผมยาวและสวมเสื้อผ้ารุงรัง มานึกดูตอนนี้ก็ช่างไร้สาระและกลับตาลปัตรกันเหลือเกิน อาตมารู้สึกเสียใจขึ้นมาลึกๆ และในจังหวะนั้นเอง ด้วยความบังเอิญอย่างประหลาด โยมแม่ก็เอ่ยขึ้นจากที่นั่งด้านหน้าว่า ตอนที่ลูกยังอยู่ที่บ้าน แม่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงน้อยนิด ถ้ารู้อย่างนี้ แม่จะไม่เสียเวลาอันมีค่าไปหงุดหงิดรำคาญใจว่าลูกจะไว้ผมยาวแค่ไหนและแต่งตัวอย่างไรเลย น้ำเสียงโหยหาอาวรณ์ของโยมแม่ทำให้อาตมารู้สึกตื้นตันในลำคอ

อาตมานึกในใจว่าเรื่องที่ได้ยินนี้เป็นปัญญาจากการมองย้อนหลัง และรู้ดีว่าปัญญาแบบนี้ไม่ได้นำไปสู่ความหลุดพ้นอย่างปัญญาที่เกิดจากการฝึกฝนอบรมจิตอย่างเป็นระบบ ต่อเมื่อเราเปิดตาให้เห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้น เราจึงจะเกิดปัญญาที่ช่วยให้เลือกหนทางที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ในการใช้เวลาที่มีอยู่ร่วมกันอย่างแสนสั้นบนโลกใบนี้

เมื่อขับรถต่อไป เราทั้งสามคน ต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง"

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร

3,397







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย