(พักกาย-พักใจ-หลีกหนีความวุ่นวาย) ร่วมสมัครปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฐาน๔ -รักษากาย-วาจา-ใจ ให้สะอาด (เฉลิมพระเกียรติ ถวายในหลวง ) วันที่ 1-9 ธันวาคม 2557 นี้ (รับ 50 ท่าน) สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา

 ตะวันธรรม  

** ขอเชิญเหล่าพุทธบุตร พุทธบริษัท อุบาสก-อุบาสิกา
ผู้ใคร่สนในการปฏิบัติตนให้เข้าถึงพุทธธรรม **

อันเป็นทางแห่งความสุข ทุกท่านทั่วสารทิศร่วม เข้าปฏิบัติธรรมภาวนา เจริญสติปัฎฐาน ๔
<เเบบพองหนอ-ยุบหนอ> หลักสูตรเบื้องต้น 3-5-7 วัน เเละหลักสูตรเข้มข้น 7-9 วัน


ในช่วงเทศกาล วันพ่อเเห่งชาติ
โครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติถวายในหลวง ตามเเบบสติปัฏฐาน ๔ (ยุบหนอ-พองหนอ)

ตั้งเเต่ วันที่ 1-9 ธันวาคม 2557 นี้
เพื่อใช้เวลาวันหยุด ให้เกิดบุญ- เกิดกุศล – ชำระจิตให้ใส- สะอาด - ปราศจาคสิ่งเศร้าหมอง
ด้วยการสมัคร เข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔
(สามารถเลือกเข้าอบรม ได้ ตั้งเเต่ 3-5-7-9 วัน ตามความเหมาะสมแก่ตัวเอง)


(( เหตุใดที่เราต้องเข้าอบรมปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔ (บทวิเคราะห์)

การปฏิบัติธรรมนั้น เป็นการฝึกฝนตนเอง เพื่อลองนำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ ในพระไตรปิฏก อันมีเนื้อหามากมาย แต่พอจะน้อมนำมาปฏิบัติตามนั้น ต้องเริ่มจากพื้นฐาน แห่งจิตเสียก่อน กล่าวคือ การปรับตัวเองเพื่อรองรับธรรมนั้นสำคัญมาก เพราะว่าธรรมะนั้นถ้าจะให้เราเข้าไปศึกษานั้นค่อนข้างยากมาก เพราะธรรมะแต่ละข้อนั้น พระพุทธองค์ทรงนำมาตรัสแก่
1 ผู้ที่มีอัธยาศัยเหมาะแก่ธรรมนั้น (จริต)
2.ผู้ที่มีบุญบารมีพร้อมจะฟังธรรมจนสำเร็จ (บารมีเต็ม)
3. ผู้ที่จะรับธรรมต้องมีจิตที่พร้อมจะลองรับธรรมนั้น เสียด้วย (สติ สมาธิ)

ดังนั้น สติปัฏฐาน ๔ จึงเป็นการปรับการดำเนินชีวิต ทั้งการยืน เดิน นั่ง นอน ให้เหมาะแก่การรู้ธรรม
ด้วยการ ยืน, เดิน,นั่ง,นอน อย่างมีสติ การควบคุมภาวะจิตใจ ด้วย สติในกาย เวทนา จิต อารมณ์
ทั้งหลาย เมื่อเราควบคุมสติปัฏฐาน แล้ว สิ่งที่เราจะได้รับคือ สมาธิ อันเป็นความสงบแห่งจิต ที่จะลองรับธรรม คือตัวปัญญา อันจะเกิดขึ้นในขณะเราเจริญสมาธิให้มั่นคง เมื่อเราฝึกคนแค่ระดับง่ายๆ คือระดับเตรียม กาย วาจา ใจ ให้พร้อมเสียก่อนก็เป็นเรื่องยากแล้ว ดังนั้น นี่ก็คือเป็นเหตุให้เรา ต้องเข้ารับการฝึกฝนอบรม ปฏิบัติธรรม ให้เราได้เกิดความชำนาญ อันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเจริญปัญญา ให้เข้าในสัจธรรมตามแบบพระพุทธศาสนาต่อไป

ปัญหาสำคัญอย่างไร ?

คำถามนี้หลายคนสงสัย ปัญญาคือตัวแก้ปัญหา (สองคำนี้จะอยู่ตรงข้ามกันเสมอ) ถ้าเรามีปัญหา
ปัญญาจะไม่เกิด ถ้าเรามีปัญญาปัญหาจะไม่เกิด
เหมือถ้ากลางวันมีแสงสว่างกลางคืนจะมืด เช่าเดียวกัน เมื่อมีสุขก็ย่อมไม่มีทุกข์ สีขามย้อมตรงข้ามสีดำ
บุญย่อมตรงข้ามกับบาป ดังนั้น ในการดำเนินชีวิตของเรา หลายๆคนประสพกับคำว่าปัญหาอย่างมาก
ในยุคปัจจุบัน ซึ่งหลายคนต้องดิ้นรนแสวงหาปัจจัย เครื่องเลี้ยงชีวิต(ปัจจัย๔) มีอาหาร,ยารักษาโรค,ที่อยู่อาศัย,เครื่องนุ่งห่ม และยังมีเทคโนโลยี ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้เราอีกมากมาย ทีวี ตู้เย็น พัดลม โทรศัพท์ รถยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย เมื่อทุกคนแสวงหาปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีวิตเพื่อตอบสนองความต้องการของเรา ยิ่งมากกว่า 4 อย่างซึ่งเป็นปัจจัยหลังแล้ว ยิ่งมากขึ้น ยิ่งต้องแสวงหามาก ยิ่งทุกข์มาก เพราะการแสวงหามีอุปสรรค ต้องแข่งกับคนอื่น แข่งต่อเวลา สถานที่ บุคคล ต่อสิ่งๆ คำว่าไม่สำเร็จจะเกิดกับปัญหาซึ่งจะตามมาพร้อมทุกข์ ทั้งทุกใจ ทุกข์กาย ภาวะทั้งสองอย่างรวมกัน ทำให้บางคนขนาด ป่วยทั้งกาย
และป่วยใจ (เกิดปัญหาทางจิตใจ) อันเป็นปัญหาที่จะแก้ได้ก็ต่อเมื่อเข้ามาบำบัด บางคนบอกว่าถึงกายป่วยใจอย่าป่วย (พระพุทธองค์ตรัสบอกว่า จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว กล่าวคือ ทุกอย่างสำเส็จได้ด้วยใจ ใจเป็นนาย ใจเป็นหัวหน้า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ) ถ้าใจหรือจิตไม่คิด กายจะทำหรือ ถึงขนาดนำการวิเคราะห์นี้มาใช้ในการจับผิดทางการสอบสอนของตำรวจและศาล ว่ามีเจตนาตั้งใจทำผิดไหม จะลงโทษหรือตรวจว่าทำผิดไหม่
ก็จะวิเคราะห์ถึงการกระทำโดยตั้งใจไหม?มีเจตนาไหม? ทำผิดไหม? ทุกองค์กรณ์ก็ใช้การจับผิดทางภาวะจิตใจทั้งนั้น ให้เราได้เห็นว่า ปัญญานั้นสำคัญอย่างมาก

พระพุทธศาสนามีแสงสว่างหรือทางออกให้แล้ว
(พระพุทธเจ้าตรัสว่า ...ปัญญา โลกสมิง ปัญโชโต : ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก)

อีกทั้งจะลองยกปัญหาในปัจจุบันที่หลายๆท่านกำลังหาทางออกอยู่ อาทิ ปัญหาครอบครัว, ปัญหาอาชีพการทำงานไม่สำเร็จ,ปัญหาการเรียนไม่เก่ง,ปัญหาโรคภัย, ปัญหาเรื่องความรัก ชีวิตต้องมีอุปสรรค์หรือปัญหามากมายนับไม่ถ้วนในแต่ละวัน เพราะต้นเหตุมาจากภาวะทางจิตนั้นเองสำคัญที่สุด เมื่อเรามีแต่ปัญหาผลก็คือความทุกข์ นั้นเองรุมเร้าทุกวัน จนทำให้เกิดโรคปวดหัว ความดัน หน้ามืด โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอื่นๆมากมายยิ่งเราศึกษาทางโลกยิ่งไม่มีวันจบสิ้นปัญหา ยิ่งนานวันมีแต่ปัญหาจะมากขึ้น เพราะว่าทุกคน หลีกหนีแต่ธรรมะ ไม่เอาธรรมะ ไม่เอาพระพุทธศาสนาเมื่อไม่เอาธรรม ก็ไม่ทำให้เราเข้าใจธรรม ไม่ถึงธรรม ไม่บรรลุธรรม ไม่พ้นทุกข์ ไม่เกิดความสุข ตามพระพุทธศาสนา

ทุกคนอย่างได้ของง่ายๆ ก็เลยจะแนะนำของง่าย (ใครทำงานก็ได้ง่าย) ชื่อก็บอกง่าย
แต่ทุกคนคิดยากไป
เพียงแค่เราหยุด หยุดอะไร ?
....ผู้ใดที่หยุด ทางโลกก็จะเห็นทางธรรม ผู้ใดน้อมนำธรรม มาปฏิบิติ..........
....ผู้นั้นก็จะขจัด ตัวปัญหา ผู้ใดหมดตัวปัญหา ก็จะพาสุขเอย.....

(พระพุทธเจ้าตรัสว่า..พระองค์หยุดแล้ว แต่องคุลีมารยังไม่หยุด..)

หลายท่านไม่ยอมหยุด บอกว่างานเยาะมาก,ไม่ว่างบ้าง,ไม่มีเวลาบ้าง, ไม่ถึงวัยบ้าง, พลัดวันไปเรื่อยๆ
แต่อายุเราไม่หยุดน่ะมากขึ้นทุกวัน ความแข็งแรงน้อยลงไปทุกวัน ความจำน้อยลง แต่เราไหนเราไม่มีวันหยุดให้ตัวเองเลย บางคนต้องรอให้มีงานบวช, งานแต่ง, งานวันเกิด, งานประท้วง ,วันสำคัญของชาติ
หรือแม้กระทั่ง มีวันที่เพื่อนหรือญาติมิตรต้องเสียชีวิต ถึงจะหยุดได้ หรือต้องรอให้เราตายก่อนถึงจะมีวันหยุดได้ อย่าเลย

----หยุดมองตัวเองสักนิด ท่านจะเห็น ความสุข หรือทุกข์ภายในใจ----
ท่านจะรับสุขหรือทุกข์ก็อยู่ที่เรา จะนำสิ่งใดออกหรือเก็บไว้(จงพิจารณา)

มุ่งหน้า แสวงหาธรรม กันเถอะ (เพราะ ธรรมเท่านั้นถึงจะทำให้เราสุขได้
-ธรรมเท่านั้นถึงจะลิขิตชีวิตให้เราดีได้ –ธรรมเท่านั้นจะคลองโลกให้เกิดสันติสุขได้-ธรรมเท่านั้นจะทำให้เรา
ไปสู่ความสำเร็จได้ ธรรมเท่านั้นจะชนะอาธรรม (ความชั่วร้ายได้) ถ้าไม่เอาธรรมก็ต้องรับอาธรรมเข้าไป เพราะจิตของเราจะปรุงแต่งได้ทีละหนึ่งอย่างถ้าไม่เอาธรรม(ความดีงาม) ก็จะรับอาธรรม (ความชั่วร้าย) / คนที่มีความดีประจำชีวิต หรือธรรม ประจำชีวิต ผู้นั้นจะทำอะไรก็ดี งานดี มิตรดี เพื่อนดี แฟนดี เงินดี อารมณ์ดี ทุกอย่างดีหมด เพราะเราเป็นคนดี คนดีย่อมทำแต่ดี เพราะวันๆคิดถึงแต่ความดี เมื่อใจคิดกายก็ทำตามคิด เมื่อทำตามที่คิด งานก็สำเร็จตามความดีของตัวเอง/ เห็นหรือยังว่าความดีหรือธรรม นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน (อย่างคิดเลยว่าธรรมไม่สำคัญ) ถ้าไม่สำคัญก็จองอย่างคิดจะได้ดีเพราะความดีนั้นหร่ะคือธรรม

ดังพุทธวจนะของพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า (ธรรมคุ้มคลองโลก 2 อย่าง คือ สติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว)รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำดี(ธรรม) หรือทำบาป (อาธรรม) ทุกคนอย่างทำดี เพราะอานิสงส์ของความดีคือสุข อานิสงส์ของบาปคือความทุกข์

(มนุษย์ทั้งโลกปรารถณาความสุขหมดทุกคน ตลอดถึงสัพสัตว์น้อยใหญ่ก็ยังปรารถนาความสุขด้วยเช่นกัน)

----ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นคือผู้เห็นซึ่งสัจธรรม ผู้ใดเห็นสัจธรรม
ผู้นั้นย่อมเข้าสู่ความสุขที่แท้จริง คือพระนิพพาน----

(คำปรารถเบื้องต้น ก่อนตรัสสินใจปฏิบัติธรรม)
ภูริญาโณ ภิกขุ..(ธรรมบุตร....ที่สุดคือธรรมะ)



((( สถานที่ปฏิบัติธรรม ..บทพิจารณาเบื้องต้น )))

......อาณาเขตบริเวณพื้นที่อยู่นอกเขตชุมชน ห่างจากหมู่บ้าน และเป็นสถานที่อันสงบเงียบสัปปายะเหมาะที่จะทำการฝึกหัดปฏิบัติธรรมเจริญสติ ทำสมาธิภาวนา เพื่อเพิ่มพูลสภาวะธรรมของเราให้มากขึ้น อันเป็นสถานที่ ที่ดำเนินการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม เจริญสติ ภาวนา(ตามแบบสติปัฏฐาน ๔) ยุบหนอ-พองหนอ เหมาะเป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้ที่มีศรัทธาปรารถณาที่จะฝึกหัดปฏิบัติธรรม
(หลักสูตรเบื้องต้น) อันเป็นการเรียนรู้วิธีการฝึกเดินจงกลม, ฝึกการทำสมาธิ, เรียนรู้การสร้างสติ และสมาธิ อันจะเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา อันจะเป็นหนทางแห่งการเข้าถึงสัจจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ในอนาคต และปัจจุบัน

.......โดยเฉพาะอุบาสก-อุบาสิกาสาธุชน ที่อยู่ในเขตบริเวณ จังหวัดพิจิตร , นครสวรรค์, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, และจังหวัดใกล้เคียงที่สามารถเข้ารับการฝึกอบรมได้ เนื่องจากพุทธอุทยาน อยู่ในเขตเชื่อมต่อ 4 จังหวัดเบื้องต้นที่กล่าวมาจึ่งทำให้เหมาะแก่การคมนาคมเดินทาง เพื่อเข้ารับการปฏิบัติธรรม เพื่อเข้าสู่ความสงบ เพื่อเป็นสถานที่พักกาย, ผ่อนคลายใจ, ปลูกจิตสำนึกเวิถีเเห่งสติ เสริมสร้างผักดันปัญญาภายในให้เกิดขึ้น ด้วยการปฏิบัติตนท่ามกลางธรรมชาติ

....................ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพุทธบริษัทร่วมทำจิตใจให้ผ่องใส, ด้วยการสมัครเข้ารับการฝึกอบรมปฏิบัติธรรมได้ ในกาลเวลาที่เหมาะสมของท่าน อันจะเป็นการเข้าใจ ในการสร้างสติที่ถูกต้อง เข้าใจการทำสมาธิที่ถูกต้อง
((เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นปฏิบัติธรรมเป็นครั้งเเรก หรือปรารภที่จะเรียนรู้การปฏิบัติธรรม ตามเเนวทางสติปัฏฐาน ๔ (ยุบหนอ-พองหนอ)


(โครงการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน ๔ (เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น) ประจำปี 2557

ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรม “สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา” ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร
(ติดถนนเอเชีย เส้นนครสวรรค์-พิษณุโลก กม.80)


รุ่นที่ ๑ ประจำปี 2557 (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน) ตั้งแต่ วันที่ 13-19 กุมภาพันธ์ 2557
(เทศกาลวันมาฆบูชา และเทศการฟังธรรม (ครั้งที่๑))

รุ่นที่ ๒ ประจำปี ๒๕๕๗ (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน) ตั้งแต่ วันที่ 10-16 เมษายน 2557 (เทศกาลวันสงการนต์)

รุ่นที่ ๓ ประจำปี ๒๕๕๗ (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน, 9 วัน) ตั้งแต่ วันที่ 10-14 พฤษภาคม 2557
( เทศกาลวันวิสาขบูชา และเทศกาลฟังธรรม (ครั้งที่๒)

รุ่นที่ ๔ ประจำปี ๒๕๕๗ (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน) ตั้งแต่ วันที่ 10-17 กรกฏาคม 2557
(เทศกาลวันอาสาฬหบูชา และเทศกาลฟังธรรม (ครั้งที่ ๓)

รุ่นที่ ๕ ประจำปี ๒๕๕๗ (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน) ตั้งแต่ วันที่ 8-14 สิงหาคม 2557 (เทศกาลวันแม่แห่งชาติ)

รุ่นที่ ๖ ประจำปี ๒๕๕๗ (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน) ตั้งแต่วันที่ 17-23 ตุลาคม 2557
(เทศกาลวันปิยมหาราช และพิธีบวงสรวงทำบุญอุทิศถวายแด่ พระปิยมหาราช ร.5)

รุ่นที่ ๗ ประจำปี ๒๕๕๗ (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน, 9 วัน) ตั้งแต่ วันที่ 1-9 ธันวาคม 2557
(เทศกาลวันพ่อแห่งชาติ และเทศกาลสวดมนต์ บรรยายธรรมประจำปี 9 วัน)

รุ่นที่ ๘ ประจำปี ๒๕๕๗ (3 วัน ,5 วัน, 7 วัน) ตั้งแต่ วันที่ 27 ธันวาคม 2557 - 2 มกราคม 2558
(เทศกาล ปฏิบัติธรรมฉลองปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สวดมนต์ข้ามปี ตักบาตรทำบุญปีใหม่ รับพรแรกแห่งปี (เพื่อชีวิตที่รุ่งเรื่อง) รับสิ่งดีๆตลอดปี 2558


--หากท่านผู้ปฏิบิตธรรม ต้องการปฏิบัติธรรมให้สำเร็จผล ต้องอบรมปฏิบัติธรรมให้ต่อเนื่อง อย่างน้อย
เป็นเวลา 7-9 วัน ถึงจะเห็นผล—
--ถ้าผู้ปฏิบัติ เข้าอบรมเพียงแค่ 3-5 วัน ท่านผู้ปฏิบัติธรรม จะได้ เพียงแค่เรียนรู้วิธีการ ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง และนำไปปฏิบัติต่อที่บ้านเท่านั้น--



***ท่านสามารถเลือก วัน-เวลา เพื่อเข้าอบรมปฏิบัติธรรมได้ เฉพาะตามตารางเท่านั้น
และสามารถเลือก เข้ารับการอบรมได้เป็น 2 หลังสูตร คือ


1.เข้าคอร์ท ปฏิบัติธรรมหลักสูตรเบื้องต้น คือ 3-5 วัน
2.เข้าคอร์ท ปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้น 7-9 วัน****

รับตั้งเเต่ 9 ขวบ เป็นต้นไป อายุต่ำกว่า 15 ควรมีผู้ปกครองมาด้วย




(สามารถโทรศัพท์ลงชื่อลงทะเบียนสมัครเข้ารับอบรม)
จองล่วงหน้าถึง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 (ตั้งเเต่ เวลา 09.00 - 18.00 น. )

(โทรเเจ้งเจ้าหน้าที่ ลงทะเบียนสมัครเข้าปฏิบัติธรรม. เจ้าหน้าที่คุณเปิ้ล .08-007-448-69)
---รับสมัครแค่ 50 ท่าน เท่านั้น---



เเจ้งรายละเอียด ดังนี้ต่อเจ้าหน้าที่
ชื่อ-นามสกุล / ที่อยู่ / เบอร์ติดต่อ / กำหนดการเข้าอบรม / จำนวนกี่วัน / กี่คน/ เข้าวันไหนออกวันไหน /เดินทางมาเอง หรือรถตู้โครงการ

(กรุณาแจ้งสมัครก่อนล่วงหน้า 2-3 วัน) /กรณีแจ้งยกเลิกการเข้าอบรม
ให้แจ้งล่วงหน้าก่อน 2-3 วันเช่นกัน




***ถ้ากรณี ยกเลิกไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ก่อน 2-3 วัน ก็จะเป็นการสร้างบาป เพราะทางเจ้าหน้าที่จะเตรียมสถานที่อบรมให้ท่าน ถ้าท่านไม่เเน่ใจจะเข้าอบรมได้ไหม กรุณา อย่าสมัครเด็ดขาด ****




........ลงสมัครไว้แล้วให้เข้าปฏิบัติตามที่ตั้งจิต สัจจะ เพื่อจะได้ไม่เป็นบาป(เสียสัจจะบารมี)
เเละเพื่อการชนะใจตัวเอง เเม้จะมีอุปสรรค อันเนื่องจากการงาน หรือภาวะจิตใจ เสียเวลา ติดงาน ให้รู้ว่า ล้วนเต่เป็นกิเลสมารที่มายั่วยุ หรือกลีดกันทั้งสิ้น เพราะการปฏิบัติธรรม ได้บุญสูงสุดในพระพุทธศาสนา สามารถละกิเลส-ตัญหา ในใจของเรา ได้ ย่อมมีมารมาสร้างอุปสรรค์ให้เกิดขึ้นเเก่ตัวเราเอง

******ดังนั้น ถ้าคิดจะสมัคร ก่อนโทรมาสมัคร ให้คิดให้มั่นใจว่า ตัวเราเองพร้อมในการต่อสู้กับกิเลสในใจ สามารถลางานหรือว่างจริงๆๆ ไม่เปลี่ยนใจ เเละยอมรับต่อความยากลำบาก เพื่อให้ไม่ลำบากใจ เพราะเมื่อตั้งใจทำดีเเล้ว ต้องทำให้ได้ ((การชนะใดใด ก็ไม่เท่าการชนะใจตัวเอง))


.......................ชนะตัวเองได้-การงานก็ชนะได้........................


เพราะคนที่ไม่มีสัจจะ เสียสัจจะ ย่อมทำการงานอันใจ หรือสอนใคร บอกกล่าวใคร ติดต่อการงานใด หรือเม้กระทั่งคิดตั้งใจจะทำไร ย่อมไม่สำเร็จ เพราะชอบเสียสัจจะบารมี บารมีจากการตั้งสัจจะ *****

...........มารไม่มี บารมีไม่เกิด ชีวิตจะประเสริญ ย่อมต้องมีสัจจะ.............



หรือลงชื่อสมัครที่อีเมล์ศูนย์

โดยเเจ้ง ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร จำนวนผู้เข้าอบรม เข้าอบรมกี่วัน วันไหนถึงวันไหน
เเละบอกว่าประสงค์จะขึ้นรถตู้ของศูนย์ หรือนำรถมาส่วนตัว

ที่ เจ้าหน้าที่ หรือส่งที่อีเมล์ ทางศูนย์จะติดต่อเพื่อยืนยันการสมัครอีกครั้ง
e-mail = lamphongdhamma@hotmail.com

---- จ่าหน้าหัวว่าขอสมัครปฏิบัติธรรม โครงการ..............




สิ่งที่ต้องเตรียมมาขณะเข้าอบรมภาวนา

1.ศรัทธาในการปฏิบัติเเละจิตใจอ่อนโยน
2.การเคารพในกฏระเบียนของศูนย์
3.เครื่องใช้ส่วนตัว อาทิ สบู่,ยาสีฟัน,แปลงสีฟัน,ผ้าเช็ดตัว,ยาประจำตัว, ไฟฉาย,
4.ชุดขาว 2 หรือ 3 ชุด ผู้หญิงมีสไบด้วย --ถ้าไม่มีเเจ้งซืิ้อที่ศูนย์กับเจ้าหน้าที่—
5.สภาวะจิตใจ (ให้ละปลิโพธิ .ความกังวล ๑๐ ประการ) ดูรายละเอียดด้านล่างสุด
6.ถ้าประสงค์ตักบาตร พระภิกษุ ให้เตรียมอาหารแห้ง (ถ้าไม่ได้เตรียมสามารถซื้อได้ที่ศูนย์)
7.วันสุดท้ายของการอบรมมีการทอดผ้าป่าชำระหนี้สงฆ์ และถวายสังฆทาน เครื่องใช้ต่างๆ
(สามารถเตรียมสิ่งต่างๆได้ )




((การเดินทางมายัง “สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา” ))


-รถประจำทาง หลายทาง ดังนี้

1.รถตู้ประจำทาง มีตลอดทั้งวัน ขึ้นหน้าหมอชิต หรือวงเวียนใหญ่ รถที่เข้า จ.พิษณุโลก
หรือ จ.พิจิตสามารถขึ้นได้ทุกคั้น

2.รถประจำทางปรับอากาศ หมอชิต ที่จะเข้าจังหวัดพิจิตร หรือพิษณุโลก ขึ้นได้ทุกคัน
(แนะนำ พิษณุโลกยานยนต์ ซื้อตั๋วริมขวามือสุด โซนภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน
เพราะรถรู้จักสถานที่ ของศูนย์ หรือเเจ้งซื้อตั๋ว ลงที่ป้อมตำหรวจหนองโสน-เเยกสระยายชี จ.พิจิตร )

3.สามารถขึ้นรถ ประจำทาง จากนครวรรค์ ให้ขึ้นรถประจำทาง จากบขส. นครวรรค์
ขึ้นรถสาย < นครวรรค์สวรรค์ - พิจิตร> หรือ <รถนครสวรรค์-พิษณุโลก> รถมีตลอดวัน
ถ้ามาจากพิษณุโลก ให้ขึ้นรถสาย < พิษณุโลก – พิจิตร> หรือ < พิษณุโลก-นครสวรรค์>
ถ้ามาจากกำแพงเพชร ให้ขึ้นรถสาย < กำแพงเพชร-พิจตร> ลงแยกปลวกสูง ต่อรถประจำทาง พิจิตร – นครสวรรค์
รถทุกสายจะผ่าน “พุทธอุทยานประวัติศาสตร์มหาราชหยกขาว” หลักกิโลเมตร ที่ 80
(ระหว่างนครสวรรค์ ไป พิษณุโลก สาย 117)

ขึ้นรถไม่ถูกขอสอถามเจ้าหน้าที่ได้ มีเบอร์รถตู้ โทร.08-007-448-69



(((((ผู้เข้าอบรม มีรถรับส่งฟรี รับเเค่ 50 ท่าน เท่านั้น เฉพาะ กรุงเทพ-ปริมณฑล))))))




((อานิสงส์ของผู้เข้ารับการอบรม การปฏิบัติธรรม เจริญสติ ภาวนา))

1.ได้บุญสูงสุดในพระพุทธศาสนา (มากว่าทาน และศีล)
2.เป็นทางเเห่งการบรรลุธรรมได้มากที่สุด (มากกว่าวิธีใดๆ)
3.ได้เริ่มเรียนรู้พระพุทธศาสนา ด้วยการนำหลักธรรมตามคำสั่งสอนมาฝึกฝนปฏิบัติจริง (สืออายุพระศาสนา)
4.ได้ละคลายทางความเห็นผิดในการดำเนินชีวิต
5.ได้เเนวทางเดินที่ถูกต้องตามเเบบมรรค-หนทางเเห่งการดับทุก
6. ได้ละบาปอย่างบางที่ได้ทำไว้ให้หายไป-หรือบาปอย่างหลักจะเบาบางลง
7. ลดอุปสรรคในการดำเนินชีวิตให้เบาบางลง-เพิ่มความสำเร็จเเก่ชีวิต-การงาน-ครอบครัว-ด้วยอานุภาพเเห่งเมตตาภาวนา
8.เป็นจุดเริ่มต้นเเรกๆในการศึกษาธรรมที่ดีที่สุด (จิตมีพื้นฐานที่ดี คือสมาธิ)
9.ทำให้มีอายุยืนด้วยอานุภาพเเห่งบุญ (อุทิศให้สัพสัตย์ที่เราเคยทำร้าย )
10.สามารถรู้กฏเเห่งกรรมคือสามารถระลึกได้ว่าเคยกระทำกรรมใดมาด้วยสติเเล้วเเก้ให้เขาอโหสิกรรม
11.มีอายุยืนการที่เราได้ปฏิบัติธรรม..ทำให้เราได้นำสติออกมาใช้มากขึ้น.ชีวิตก็ไม่ประมาท--
เราจะรักตัวเองมทากขึ้น--เมื่อเรารักตัวเองมากขึ้นสุขภาพร่างกายเราก็อายุยืน--ด้วยธรรมโอสถ--
12.เป็นการตอบเเทนพระคุณบิดามารดาได้ดีที่สุด-เพราะการส่งบุญจากภาวนาได้บุญมาก
เป็นต้น นี่เป็นส่วนหนึ่งในอานิสงส์ของการปฏิบัติธรรม เท่านั้น
13.การปฏิบัติธรรม ชื่อว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะได้พักจิตของเราจากกิเลสคือความทุกข์
14.ได้ชำระจิตใจให้ใสสะอาด ปราศจากเครื่องเศร้าหมองในจิตใจ ให้เราได้มีพละกำลังใจดำเนินชีวิตต่อไป
15.ผู้ปฏิบัติธรรมไปที่ไหนย่อมปลอดภัยทางอันตราย (เพราะเทวดาคุ้มครองบุญก็คุ้มครอง)







(((ตารางการเข้าอบรมภาวนาในโครงการ))))

โครงการปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน๔(เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ในเทศกาลวันพ่อเเห่งชาติ 2557
(ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติถวายในหลวง)

ตั้งเเต่วันที่ 1-9 ธันวาคม 2557 ( 9 วัน)
(สามารถเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมได้ ตามช่วงเวลาที่เราเหมาะสม 3 วัน หรือ 5-7-9 วัน)


((กำหนดการ))

วันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม 2557 (วัน ลงทะเบียน ตลอดวัน)

เวลา 09.00-18.00 น. ลงทะเบียนสมัครเข้าอบรมปฎิบัติธรรม, ข้อปฎิบัติในการเข้าอบรม
ที่จุดลงทะเบียนผู้เข้าอบรม ภาวนา ณ อาคารลงทะเบียน ศาลาปฏิบัติธรรม
เวลา 18.00 น. ทำวัตร ,รับศีล 8 , ฟังกฏระเบียนเบื้องต้นในการเข้าอบรม
,สมาทานกรรมฐาน ,ฟังข้อวัตรระเบียบการอบรมปฏิบัติธรรม



วันที่ 2-8 ธันวาคม 2557

เวลา ๐๓.๐๐ น. ตื่นนอน ชำระร่างกาย / เตรียมตัวทำวัตรเช้า
เวลา ๐๔.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. สวดมนต์เช้าเเปล
เวล ๐๕.๐๐ - ๐๖.๓๐ น. เจริญสติภาวนา (ช่วงเช้า) / เดินกรรมฐาน บนถนนวิปัสสนา
เวลา ๐๘.๐๐ น. กิจกรรมทำบุญ วันสงการนต์ /ฟังธรรม / รับพร / รับประทานอาหารเช้า
เวลา ๑๐.๓๐ น. ปฏิบัติธรรม เจริญสติภาวนา (ช่วงสาย)
เวลา ๑๑ .๓๐ น. รับประทานอาหารเพล (โรงทาน)
เวลา ๑๒.๐๐ น. (พักผ่อนตามอัธยาศัย อย่างมีสติ)
เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๒๐ น. ปฏิบัติธรรม ภาวนา (ช่วงรอบ บ่าย)
เวลา ๑๖.๓๐ – ๑๘.๐๐ น. อาบน้ำ, ชำระร่างกาย, ทำกิจกรรมจิตอาสา (ดูเเลความสะอาดบริเวณศูนย์)
เวลา ๑๘.๑๐ น. สวดมนต์ทำวัตรเย็นเเปล, เจริญพระพุทธมนต์เย็น
เวลา ๑๙.๓๐ – ๒๑.๐๐ น.อบรมธรรมการปฏิบัติ, ปฏิบัติธรรมเจริญสติ ภาวนา(ช่วงรอบ เย็น)
--------------------(พักผ่อน)------------------------------


วันที่ 9 ธันวาคม 2557 (วันสุดท้ายการอบรม)

เวลา 07.00 น. รับประทานอาหาร (เช้า)

เวลา 09.00 น. ถวายสังฆทาน(เครื่องใช้) เเละ ทอดผ้าป่าบำรุงศูนย์
------------- เเละกล่าวคำขอขมา-ลาศีล 8 -รับใบประกาศเกียรติบัตร -------------
...... {เดินทางกลับบ้านโดยรถส่วนตัว-หรือรถตู้ศูนย์ }..........



((ปฏิบัติภาวนา เดินจงกรม-นั่งสมาธิ ))
รวม 4 ช่วงเวลา ต่อ 1 วัน รวม 6-8 ชม ต่อวัน

1.ช่วงเช้า 05.00 -06.20 น. (1ชม.)
2. ช่วงสาย 09.30-11.30 น. (2 ชม.)
3. ช่วงบ่าย 13.00 -16.20 น. (4ชม.)
4. ช่วงค่ำ 19.30 -20.30 น. ( 1. ชม)



กิจกรรมพิเศษ

วันที่ 5 ธันวาคม 2557 (วันพ่อเเห่งชาติ)


กิจกรรม อุปสมบทนาคหมู่เฉลิมพระเกียรติ พระธุดงค์กรรมฐาน รุ่นที่ 16

เวลา 10.00 น. ตักบาตรคณะสงฆ์ + น้อมถวายภัตตาหารคณะสงฆ์ (ทำบุญฉลองผ้าไตรนาค)
เวลา 11.30 น. รับพร
เวลา 12.00 น. สาธุชนรับประทานอาหาร
เวลา 13.00 น. โกนผมนาค/ ถวายผ้าไตรนาค /รับพร
เวลา 14.00 น. ร่วมพิธีอุปสมบทนาคหมู่ พระธุดงค์กรรมฐาน รุ่น 16
เวลา 18.00 น. สวดมนต์เย็น เจริญพระพุทธมนต์ นั่งสมาธิภาวนา ถวายในหลวง




ผู้เข้าปฏิบัติธรรมสามารถร่วมกิจกรรมบุญได้ ดังนี้ คือ

1.สามารถเตรียมอาหารแห้งตักบาตรพระได้ทุกวัน
2.สามารถเตรียม ถวายสังฆทาน+เครื่องใช้ (วันสุดท้ายการอบรม)
3.สามารถจองเป็นเจ้าภาพ ทำบุญหล่อพระมหาจักพรรดิ์ หรือทำบุญจองเป็นเจ้าภาพบวชพระรุ่น 16 ได้
(รายละเอียดด้านล่าง)


ดูรูปภาพกิจกรรมโครงการปฏิบัติธรรม โครงการที่ผ่านมา...ได้ที่ลิงค์
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.247277945364735.57207.100002475932455&type=1
หรือ www.dhammadee.com




เเละสามารถติดตามข่าวสารของศูนย์อบรมปฏิบัติธรรม..เเละร่วมโมทนาสาธุการกับการบำเพ็ญธรรมได้
สารบุญ "ชมรมพุทธบุตรบารมี" ได้ที่
facebook =lamphongdhamma@hotmail.com
คัดลองข้อมูลจาก http://www.dhammadee.com (เว็บไซต์ธรรมะดี)




ข้อมูล(เพิ่มเติม)
ปลิโพธ (ความกังวล) 10 ปลิโพธ เครื่องผูกพันหรือหน่วงเหนี่ยวเหตุกังวล,
ข้อติดข้อง; ปลิโพธที่ผู้จะเจริญกรรมฐานพึงตัดเสียให้ได้ เพื่อให้เกิด


ความปลอดโปร่งพร้อมที่จะเจริญกรรมฐานให้ก้าวหน้าไปได้ดีมี ๑๐ อย่าง คือ

๑ อาวาสปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับวัดหรือที่อยู่
๒. กุลปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับตระกูลญาติหรืออุปัฎฐาก
๓. ลาภปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับลาภ
๔. คณปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับคณะศิษย์หรือหมู่ชนที่ตนต้องรับผิดชอบ
๕. กรรมปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการงานเช่น การก่อสร้าง
๖. อัทธานปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการเดินทางไกลเนื้อด้วยกิจธุระ
๗. ญาติปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับญาติหรือคนใกล้ชิดที่จะต้องเป็นห่วงซึ่งกำลังเจ็บป่วยเป็นต้น
๘. อาพาธปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บไข้ของตนเอง
๙. คันถปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน
๑๐. อิทธิปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับฤทธิ์ของปุถุชนที่จะต้องคอยรักษาไม่ให้เสื่อม
(ข้อท้ายนี้เป็นปลิโพธสำหรับผู้จะเจริญวิปัสสนา เท่านั้น)


---ขอเชิญญาติธรรม อุบาสก-อุบาสิกา ได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมปฏิบัิตธรรม ภาวนารักษาใจ ให้ใส สะอาด ปราศจาคสิ่งเศร้าหมอง ด้วยการสมัครเข้ารับการปฏิบัิตธรรม
((( ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ )))----


*******(พุทธวจนะ)ธัมมะจารี สุขัง เสติ : ธรรมะย่อม รักษาผู้ประพฤติธรรม******



6,252






จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย