** ขอเชิญเหล่าพุทธบุตร พุทธบริษัท อุบาสก-อุบาสิกา
ผู้ใคร่สนใจในการฝึกหัด ปฏิบัติตนให้เข้าถึงพุทธธรรม (ตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) **
อันเป็นทางแห่งความสุขที่เเท้จริง อุบาสก-อุบาสิกา สามารถสมัคร เข้าปฏิบัติธรรมภาวนา
เจริญสติปัฎฐาน ๔ <เเบบพองหนอ-ยุบหนอ> หลักสูตรเบื้องต้น 3- วัน เเละหลักสูตรเข้มข้น 7 วัน
(( ตลอดปี 2559 ))
โครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติถวายในหลวง ตามเเบบสติปัฏฐาน ๔ (ยุบหนอ-พองหนอ)
ตั้งเเต่ ตลอด ปี 2559 นี้
เพื่อใช้เวลาวันหยุด ให้เกิดบุญ- เกิดกุศล – ชำระจิตให้ใส- สะอาด - ปราศจาคสิ่งเศร้าหมอง
ด้วยการสมัคร เข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔
(สามารถเลือกเข้าอบรม ได้ ตั้งเเต่ 3-7 วัน ตามความเหมาะสมแก่ตัวเอง)
(( เหตุใดที่เราต้องเข้าอบรมปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔ (บทวิเคราะห์)
การปฏิบัติธรรมนั้น เป็นการฝึกฝนตนเอง เพื่อลองนำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ ในพระไตรปิฏก อันมีเนื้อหามากมาย แต่พอจะน้อมนำมาปฏิบัติตามนั้น ต้องเริ่มจากพื้นฐาน แห่งจิตเสียก่อน กล่าวคือ การปรับตัวเองเพื่อรองรับธรรมนั้นสำคัญมาก เพราะว่าธรรมะนั้นถ้าจะให้เราเข้าไปศึกษานั้นค่อนข้างยากมาก เพราะธรรมะแต่ละข้อนั้น พระพุทธองค์ทรงนำมาตรัสแก่
1 ผู้ที่มีอัธยาศัยเหมาะแก่ธรรมนั้น (จริต)
2.ผู้ที่มีบุญบารมีพร้อมจะฟังธรรมจนสำเร็จ (บารมีเต็ม)
3. ผู้ที่จะรับธรรมต้องมีจิตที่พร้อมจะลองรับธรรมนั้น เสียด้วย (สติ สมาธิ)
ดังนั้น สติปัฏฐาน ๔ จึงเป็นการปรับการดำเนินชีวิต ทั้งการยืน เดิน นั่ง นอน ให้เหมาะแก่การรู้ธรรม
ด้วยการ ยืน, เดิน,นั่ง,นอน อย่างมีสติ การควบคุมภาวะจิตใจ ด้วย สติในกาย เวทนา จิต อารมณ์
ทั้งหลาย เมื่อเราควบคุมสติปัฏฐาน แล้ว สิ่งที่เราจะได้รับคือ สมาธิ อันเป็นความสงบแห่งจิต ที่จะลองรับธรรม คือตัวปัญญา อันจะเกิดขึ้นในขณะเราเจริญสมาธิให้มั่นคง เมื่อเราฝึกคนแค่ระดับง่ายๆ คือระดับเตรียม กาย วาจา ใจ ให้พร้อมเสียก่อนก็เป็นเรื่องยากแล้ว ดังนั้น นี่ก็คือเป็นเหตุให้เรา ต้องเข้ารับการฝึกฝนอบรม ปฏิบัติธรรม ให้เราได้เกิดความชำนาญ อันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเจริญปัญญา ให้เข้าในสัจธรรมตามแบบพระพุทธศาสนาต่อไป
ปัญหาสำคัญอย่างไร ?
คำถามนี้หลายคนสงสัย ปัญญาคือตัวแก้ปัญหา (สองคำนี้จะอยู่ตรงข้ามกันเสมอ) ถ้าเรามีปัญหา
ปัญญาจะไม่เกิด ถ้าเรามีปัญญาปัญหาจะไม่เกิด
เหมือนถ้ากลางวันมีแสงสว่างกลางคืนจะมืด เช่นเดียวกัน เมื่อมีสุขก็ย่อมไม่มีทุกข์ สีขาวย้อมตรงข้ามสีดำ
บุญย่อมตรงข้ามกับบาป ดังนั้น ในการดำเนินชีวิตของเรา หลายๆคนประสพกับคำว่าปัญหาอย่างมาก
ในยุคปัจจุบัน ซึ่งหลายคนต้องดิ้นรนแสวงหาปัจจัย เครื่องเลี้ยงชีวิต(ปัจจัย๔) มีอาหาร,ยารักษาโรค,ที่อยู่อาศัย,เครื่องนุ่งห่ม และยังมีเทคโนโลยี ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้เราอีกมากมาย ทีวี ตู้เย็น พัดลม โทรศัพท์ รถยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย เมื่อทุกคนแสวงหาปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีวิตเพื่อตอบสนองความต้องการของเรา ยิ่งถ้าเรามีความต้องการเครื่องอำนวยสะดวกมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องแสวงหามากขึ้นไปหลายเท่า ยิ่งทุกข์มาก เพราะการแสวงหามีอุปสรรค ต้องแข่งกับคนอื่น แข่งขันต่อเวลา เเข่งขันต่อสถานที่ เเข่งขันต่อบุคคล เเละต้องเเข่งขันต่อสิ่งต่างๆมากมาย หลายขั้นตอนเพื่อได้มาซึ่งเงินทอง เพื่อเเสวงหา เครื่องอำนวยความสะดวก จนทำให้ร่างกาย เเละสภาวะจิตใจ เหนื่อยเศ้ราหมอง หดขู่ หมดกำลังใจ บางครั้ง ก็ก่อเกิดความไม่สำเร็จ ซึ่งเกิดมาจากการที่เราไม่สามารถ เเก้ปัญหาในชีวิตได้ ซึ่งจะตามมาพร้อมทุกข์ ทั้งทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกาย ภาวะทั้งสองอย่างรวมกัน ทำให้บางคนป่วยทั้งกาย
และป่วยใจ (เกิดปัญหาทางจิตใจ) อันเป็นปัญหาที่จะแก้ได้ก็ต่อเมื่อเข้ามาบำบัด บางคนบอกว่าถึงกายป่วยใจอย่าป่วย (พระพุทธองค์ตรัสบอกว่า จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว กล่าวคือ ทุกอย่างสำเส็จได้ด้วยใจ ใจเป็นนาย ใจเป็นหัวหน้า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ) ถ้าใจหรือจิตไม่ทุกข์ กายก็จะไม่ทุกข์ จิตไม่ป่วย กายก็ไม่ป่วย ถ้าใจไม่คิด กายจะทำหรือ ดังนั้นสรุปให้รู้เเม้ว่าสภาวะในยุคปัจจุบัน จะรุมเร้าให้มนุษย์ต้องดำเนินชีวิตจนต้องทำให้สภาวะกาย สภาวะใจต้องทุกข์มากมายขนาดไหน เเต่การมัวเเต่มุ้งที่จะเเสวงหาความสุขทางโลกมากสักเท่าไหร ? ก็ยังไม่ตอบสอนงความสุขที่เเท้จริง เท่ากับการที่เรารู้จักมอบความสงบสุขด้วยการปฏิบัติธรรม เพราะความสุขจากการปฏิบัติธรรมนั้นจะทำให้เราค้นหาความสุขที่เเท้จริง อีกทั้งการปฏิบัติธรรม ช่วยให้เราได้มีเวลาดูตัวเอง ได้ศึกษาตัวเอง เเละได้ค้นพบสิ่งที่เราขาดหายไปในชีวิต เพื่อจะพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น เมื่อจิตมีธรรมะจิตย่อมมีความสุข (( เพราะธรรมะรักษาจิต อาหารรักษากาย )) เราจงมาพักกาย-พักใจ เข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔ ตลอดปี ของศูนย์ได้ ตามช่วงเวลาที่เหมาะสมของชีวิต
พระพุทธศาสนามีแสงสว่างหรือทางออกให้แล้ว
(พระพุทธเจ้าตรัสว่า ...ปัญญา โลกสมิง ปัญโชโต : ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก)
อีกทั้งจะลองยกปัญหาในปัจจุบันที่หลายๆท่านกำลังหาทางออกอยู่ อาทิ ปัญหาครอบครัว, ปัญหาอาชีพการทำงานไม่สำเร็จ,ปัญหาการเรียนไม่เก่ง,ปัญหาโรคภัย, ปัญหาเรื่องความรัก ชีวิตต้องมีอุปสรรค์หรือปัญหามากมายนับไม่ถ้วนในแต่ละวัน เพราะต้นเหตุมาจากภาวะทางจิตนั้นเองสำคัญที่สุด เมื่อเรามีแต่ปัญหาผลก็คือความทุกข์ นั้นเองรุมเร้าทุกวัน จนทำให้เกิดโรคปวดหัว ความดัน หน้ามืด โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอื่นๆมากมายยิ่งเราศึกษาทางโลกยิ่งไม่มีวันจบสิ้นปัญหา ยิ่งนานวันมีแต่ปัญหาจะมากขึ้น เพราะว่าทุกคน หลีกหนีแต่ธรรมะ ไม่เอาธรรมะ ไม่เอาพระพุทธศาสนาเมื่อไม่เอาธรรม ก็ไม่ทำให้เราเข้าใจธรรม ไม่ถึงธรรม ไม่บรรลุธรรม ไม่พ้นทุกข์ ไม่เกิดความสุข ตามพระพุทธศาสนา
ทุกคนอย่างได้ของง่ายๆ ก็เลยจะแนะนำของง่าย (ใครทำงานก็ได้ง่าย) ชื่อก็บอกง่าย
แต่ทุกคนคิดยากไป
เพียงแค่เราหยุด หยุดอะไร ?
....ผู้ใดที่หยุด ทางโลกก็จะเห็นทางธรรม ผู้ใดน้อมนำธรรม มาปฏิบิติ..........
....ผู้นั้นก็จะขจัด ตัวปัญหา ผู้ใดหมดตัวปัญหา ก็จะพาสุขเอย.....
(พระพุทธเจ้าตรัสว่า..พระองค์หยุดแล้ว แต่องคุลีมารยังไม่หยุด..)
หลายท่านไม่ยอมหยุด บอกว่างานเยาะมาก,ไม่ว่างบ้าง,ไม่มีเวลาบ้าง, ไม่ถึงวัยบ้าง, พลัดวันไปเรื่อยๆ
แต่อายุเราไม่หยุดน่ะมากขึ้นทุกวัน ความแข็งแรงน้อยลงไปทุกวัน ความจำน้อยลง แต่เราไหนเราไม่มีวันหยุดให้ตัวเองเลย บางคนต้องรอให้มีงานบวช, งานแต่ง, งานวันเกิด, งานประท้วง ,วันสำคัญของชาติ
หรือแม้กระทั่ง มีวันที่เพื่อนหรือญาติมิตรต้องเสียชีวิต ถึงจะหยุดได้ หรือต้องรอให้เราตายก่อนถึงจะมีวันหยุดได้ อย่าเลย
----หยุดมองตัวเองสักนิด ท่านจะเห็น ความสุข หรือทุกข์ภายในใจ----
ท่านจะรับสุขหรือทุกข์ก็อยู่ที่เรา จะนำสิ่งใดออกหรือเก็บไว้(จงพิจารณา)
มุ่งหน้า แสวงหาธรรม กันเถอะ (เพราะ ธรรมเท่านั้นถึงจะทำให้เราสุขได้
-ธรรมเท่านั้นถึงจะลิขิตชีวิตให้เราดีได้ –ธรรมเท่านั้นจะคลองโลกให้เกิดสันติสุขได้-ธรรมเท่านั้นจะทำให้เรา
ไปสู่ความสำเร็จได้ ธรรมเท่านั้นจะชนะอาธรรม (ความชั่วร้ายได้) ถ้าไม่เอาธรรมก็ต้องรับอาธรรมเข้าไป เพราะจิตของเราจะปรุงแต่งได้ทีละหนึ่งอย่างถ้าไม่เอาธรรม(ความดีงาม) ก็จะรับอาธรรม (ความชั่วร้าย) / คนที่มีความดีประจำชีวิต หรือธรรม ประจำชีวิต ผู้นั้นจะทำอะไรก็ดี งานดี มิตรดี เพื่อนดี แฟนดี เงินดี อารมณ์ดี ทุกอย่างดีหมด เพราะเราเป็นคนดี คนดีย่อมทำแต่ดี เพราะวันๆคิดถึงแต่ความดี เมื่อใจคิดกายก็ทำตามคิด เมื่อทำตามที่คิด งานก็สำเร็จตามความดีของตัวเอง/ เห็นหรือยังว่าความดีหรือธรรม นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน (อย่างคิดเลยว่าธรรมไม่สำคัญ) ถ้าไม่สำคัญก็จองอย่างคิดจะได้ดีเพราะความดีนั้นหร่ะคือธรรม
ดังพุทธวจนะของพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า (ธรรมคุ้มคลองโลก 2 อย่าง คือ สติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว)รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำดี(ธรรม) หรือทำบาป (อาธรรม) ทุกคนอย่างทำดี เพราะอานิสงส์ของความดีคือสุข อานิสงส์ของบาปคือความทุกข์
(มนุษย์ทั้งโลกปรารถณาความสุขหมดทุกคน ตลอดถึงสัพสัตว์น้อยใหญ่ก็ยังปรารถนาความสุขด้วยเช่นกัน)
----ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นคือผู้เห็นซึ่งสัจธรรม ผู้ใดเห็นสัจธรรม
ผู้นั้นย่อมเข้าสู่ความสุขที่แท้จริง คือพระนิพพาน----
(คำปรารถเบื้องต้น ก่อนตรัสสินใจปฏิบัติธรรม)
ภูริญาโณ ภิกขุ..(ธรรมบุตร....ที่สุดคือธรรมะ)
((( สถานที่ปฏิบัติธรรม ..บทพิจารณาเบื้องต้น )))
......อาณาเขตบริเวณพื้นที่อยู่นอกเขตชุมชน ห่างจากหมู่บ้าน และเป็นสถานที่อันสงบเงียบสัปปายะเหมาะที่จะทำการฝึกหัดปฏิบัติธรรมเจริญสติ ทำสมาธิภาวนา เพื่อเพิ่มพูลสภาวะธรรมของเราให้มากขึ้น อันเป็นสถานที่ ที่ดำเนินการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม เจริญสติ ภาวนา(ตามแบบสติปัฏฐาน ๔) ยุบหนอ-พองหนอ เหมาะเป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้ที่มีศรัทธาปรารถณาที่จะฝึกหัดปฏิบัติธรรม
(หลักสูตรเบื้องต้น) อันเป็นการเรียนรู้วิธีการฝึกเดินจงกลม, ฝึกการทำสมาธิ, เรียนรู้การสร้างสติ และสมาธิ อันจะเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา อันจะเป็นหนทางแห่งการเข้าถึงสัจจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ในอนาคต และปัจจุบัน
.......โดยเฉพาะอุบาสก-อุบาสิกาสาธุชน ที่อยู่ในเขตบริเวณ จังหวัดพิจิตร , นครสวรรค์, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, และจังหวัดใกล้เคียงที่สามารถเข้ารับการฝึกอบรมได้ เนื่องจากพุทธอุทยาน อยู่ในเขตเชื่อมต่อ 4 จังหวัดเบื้องต้นที่กล่าวมาจึ่งทำให้เหมาะแก่การคมนาคมเดินทาง เพื่อเข้ารับการปฏิบัติธรรม เพื่อเข้าสู่ความสงบ เพื่อเป็นสถานที่พักกาย, ผ่อนคลายใจ, ปลูกจิตสำนึกเวิถีเเห่งสติ เสริมสร้างผักดันปัญญาภายในให้เกิดขึ้น ด้วยการปฏิบัติตนท่ามกลางธรรมชาติ
....................ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพุทธบริษัทร่วมทำจิตใจให้ผ่องใส, ด้วยการสมัครเข้ารับการฝึกอบรมปฏิบัติธรรมได้ ในกาลเวลาที่เหมาะสมของท่าน อันจะเป็นการเข้าใจ ในการสร้างสติที่ถูกต้อง เข้าใจการทำสมาธิที่ถูกต้อง
((เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นปฏิบัติธรรมเป็นครั้งเเรก หรือปรารภที่จะเรียนรู้การปฏิบัติธรรม ตามเเนวทางสติปัฏฐาน ๔ (ยุบหนอ-พองหนอ)
(โครงการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน ๔ ((เพื่อพักกาย-พักใจ -เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่-การงาน เเละเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น)) ตลอดปี 2559 2 ศูนย์อบรมปฏิบัติธรรม
1. สำนักวิปัสสนากรรมฐาน “สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา” ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร
(ติดถนนเอเชีย เส้นนครสวรรค์-พิษณุโลก กม.80)
(( กำหนดการอบรม ))
เปิดรับสมัคร ทุกวัน ศุกร์,เสาร์,อาทิตย์ (ต้นเดือน)
เเละรับสมัครทุก วันที่ 1-7 (ต้นเดือน) ตลอดปี
2. สำนักวิปัสสนากรรมฐาน "สวนป่าซำบอนวิปัสสนา" ต.ชัยนาม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
(ห่างจากตัวอำเภอวังทอง 15 กม.) บนเขา วังทอง มีทางขึ้น-ลง ปลอดภัย
(( กำหนดการอบรม ))
เปิดรับสมัคร ทุกวัน ศุกร์,เสาร์,อาทิตย์ (สิ้นเดือน)
เเละรับสมัครทุก วันที่ 1-7 (สิ้นเดือน)ตลอดปี
--หากท่านผู้ปฏิบิตธรรม ต้องการปฏิบัติธรรมให้สำเร็จผล ต้องอบรมปฏิบัติธรรมให้ต่อเนื่อง อย่างน้อย
เป็นเวลา 7 วัน ถึงจะเห็นผล—
--ถ้าผู้ปฏิบัติ เข้าอบรมเพียงแค่ 3-5 วัน ท่านผู้ปฏิบัติธรรม จะได้ เพียงแค่เรียนรู้วิธีการ ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง และนำไปปฏิบัติต่อที่บ้านเท่านั้น--
***ท่านสามารถเลือก วัน-เวลา เพื่อเข้าอบรมปฏิบัติธรรมได้ เฉพาะตามตารางเท่านั้น
และสามารถเลือก เข้ารับการอบรมได้เป็น 2 หลังสูตร คือ
1.เข้าคอร์ท ปฏิบัติธรรมหลักสูตรเบื้องต้น คือ 3 วัน หรือ 5 วัน
2.เข้าคอร์ท ปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้น 7 วัน****
**รับตั้งเเต่ 9 ขวบ เป็นต้นไป อายุต่ำกว่า 15 ควรมีผู้ปกครองมาด้วย**
(สามารถโทรศัพท์ลงชื่อลงทะเบียนสมัครเข้ารับอบรม)
ตลอดโครงการอบรม ตั้งเเต่ 3วัน, 5 วัน, 7 วัน (ตั้งเเต่ เวลา 09.00 - 18.00 น. )
(โทรเเจ้งเจ้าหน้าที่ ลงทะเบียนสมัครเข้าปฏิบัติธรรม. เจ้าหน้าที่ 087-007-8607)
---รับสมัครแค่ 50 ท่านต่อสัปดาห์/ต่อโครงการ เท่านั้น---
เเจ้งรายละเอียด ดังนี้ต่อเจ้าหน้าที่
ชื่อ-นามสกุล / ที่อยู่ / เบอร์ติดต่อ / กำหนดการเข้าอบรม / จำนวนกี่วัน / กี่คน/ เข้าวันไหน-ออกวันไหน /เดินทางมาเอง หรือรถตู้โดยสาร/
**สอบถามรถโดยสาร หรือรถตู้โดยสาร ที่จะผ่านมาศูนย์อบรม เเก่เจ้าหน้าที่ได้**
(กรุณาแจ้งสมัครก่อนล่วงหน้า 2-3 วัน) /กรณีแจ้งยกเลิกการเข้าอบรม
ให้แจ้งล่วงหน้าก่อน 2-3 วันเช่นกัน
หรือลงชื่อสมัครที่อีเมล์ศูนย์ หรือเฟสบุ๊คของศูนย์
ที่ เจ้าหน้าที่ หรือส่งที่อีเมล์ ทางศูนย์จะติดต่อเพื่อยืนยันการสมัครอีกครั้ง
e-mail =
lamphongdhamma@hotmail.com / ชื่อเฟ็สบุ๊ค ศูนย์พุทธบริษัทสากล
---- จ่าหน้าหัวว่าขอสมัครปฏิบัติธรรม ที่ศูนย์ไหน ตั้งเเต่วันที่ ถึงวันที่ ----
***ถ้ากรณี ยกเลิกไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ก่อน 2-3 วัน ก็จะเป็นการสร้างบาป เพราะทางเจ้าหน้าที่จะเตรียมสถานที่อบรมให้ท่าน ถ้าท่านไม่เเน่ใจจะเข้าอบรมได้ไหม กรุณา อย่าสมัครเด็ดขาด ****
........ลงสมัครไว้แล้วให้เข้าปฏิบัติตามที่ตั้งจิต สัจจะ เพื่อจะได้ไม่เป็นบาป(เสียสัจจะบารมี)
เเละเพื่อการชนะใจตัวเอง เเม้จะมีอุปสรรค อันเนื่องจากการงาน หรือภาวะจิตใจ เสียเวลา ติดงาน ให้รู้ว่า ล้วนเต่เป็นกิเลสมารที่มายั่วยุ หรือกลีดกันทั้งสิ้น เพราะการปฏิบัติธรรม ได้บุญสูงสุดในพระพุทธศาสนา สามารถละกิเลส-ตัญหา ในใจของเรา ได้ ย่อมมีมารมาสร้างอุปสรรค์ให้เกิดขึ้นเเก่ตัวเราเอง
******ดังนั้น ถ้าคิดจะสมัคร ก่อนโทรมาสมัคร ให้คิดให้มั่นใจว่า ตัวเราเองพร้อมในการต่อสู้กับกิเลสในใจ สามารถลางานหรือว่างจริงๆๆ ไม่เปลี่ยนใจ เเละยอมรับต่อความยากลำบาก เพื่อให้ไม่ลำบากใจ เพราะเมื่อตั้งใจทำดีเเล้ว ต้องทำให้ได้ ((การชนะใดใด ก็ไม่เท่าการชนะใจตัวเอง))
.......................ชนะตัวเองได้-การงานก็ชนะได้........................
เพราะคนที่ไม่มีสัจจะ เสียสัจจะ ย่อมทำการงานอันใจ หรือสอนใคร บอกกล่าวใคร ติดต่อการงานใด หรือเม้กระทั่งคิดตั้งใจจะทำไร ย่อมไม่สำเร็จ เพราะชอบเสียสัจจะบารมี บารมีจากการตั้งสัจจะ *****
...........มารไม่มี บารมีไม่เกิด ชีวิตจะประเสริญ ย่อมต้องมีสัจจะ.............
สิ่งที่ต้องเตรียมมาขณะเข้าอบรมภาวนา
1.ศรัทธาในการปฏิบัติเเละจิตใจอ่อนโยน
2.การเคารพในกฏระเบียนของศูนย์
3.เครื่องใช้ส่วนตัว อาทิ สบู่,ยาสีฟัน,แปลงสีฟัน,ผ้าเช็ดตัว,ยาประจำตัว, ไฟฉาย,
4.ชุดขาว 2 หรือ 3 ชุด ผู้หญิงมีสไบด้วย --ถ้าไม่มีเเจ้งซืิ้อหรือยืมที่ศูนย์กับเจ้าหน้าที่—
5.สภาวะจิตใจ (ให้ละปลิโพธิ .ความกังวล ๑๐ ประการ) ดูรายละเอียดด้านล่างสุด
6.ถ้าประสงค์ตักบาตร พระภิกษุ ให้เตรียมอาหารแห้ง (ถ้าไม่ได้เตรียมสามารถเเจ้งซื้อได้ที่เจ้าหน้าที่)
7.วันสุดท้ายของการอบรมมีการทอดผ้าป่าชำระหนี้สงฆ์ และถวายสังฆทาน เครื่องใช้ต่างๆ
(สามารถเตรียมสิ่งต่างๆมาทำบุญได้ )
เอกสารใช้สมัครปฏิบัิตธรรม
1.บัตรประชาชน ถ่ายเอกสาร(เซ็นต์ชื่อรับรองด้วย)
**ถ้ามีโรคติดต่อ ร้ายเเรง ไม่รับ**
(( เวลา ลงทะเบียน ))
วันทุกวันศุกร์ ก่อน เวลา 17.00 น. (ที่จุดลงทะเบียนปฏิบัติธรรม)
ถ้ากรณีเข้าอบรมปฏิบัติธรรม 7 วัน เข้าสมัครวันที่ 1 ของเดือน ก่อนเวลา 17.00 น.
กำหนดการอบรม (ทั้งสองศุนย์)
เวลา 03.30. น. ตื่นนอนอาบน้ำ ชำระร่างกาย เตรียมตัวทำวัตรเช้า
เวลา 04.00 น. ทำวัตร สวดมนต์(เเปล) เช้า
เวลา 05.00 น. เดินจงกรม ,นั่งสมาธิ (1 ชม)
เวลา 07.30 น. รับประทานข้าวต้ม
เวลา 08.00 น. เดินจงกรม, นั่งสมาธิ (2 ชม.)
เวลา 11.00 น. รับประทานอาหารเพล
เวลา 13.00 น. เดินจงกรม, นั่งมาธิ (3 ชม)
เวลา 16.30 น. รับน้ำปาน่ะ , ชำระร่างกาย , (เตรียมทำวัตรเย็น(เเปล)
เวลา 18.00 น. ทำวัตรเย็น(เเปล)
เวลา 19.00 น. เดินจงกรม, นั่งสมาธิ (2 ชม.)
เสร็จกิจ พักผ่อน
((การเดินทางมายัง “สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา” ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิษณุโลก ))
-รถประจำทาง หลายทาง ดังนี้
1.รถตู้ประจำทาง มีตลอดทั้งวัน ขึ้นหน้าหมอชิต หรือวงเวียนใหญ่ รถที่เข้า จ.พิษณุโลก
หรือ จ.พิจิตสามารถขึ้นได้ทุกคั้น
2.รถประจำทางปรับอากาศ หมอชิต ที่จะเข้าจังหวัดพิจิตร หรือพิษณุโลก ขึ้นได้ทุกคัน
(แนะนำ พิษณุโลกยานยนต์ ซื้อตั๋วริมขวามือสุด โซนภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน
เพราะรถรู้จักสถานที่ ของศูนย์ หรือเเจ้งซื้อตั๋ว ลงที่ป้อมตำหรวจหนองโสน-เเยกสระยายชี จ.พิจิตร )
3.สามารถขึ้นรถ ประจำทาง จากนครวรรค์ ให้ขึ้นรถประจำทาง จากบขส. นครวรรค์
ขึ้นรถสาย < นครวรรค์สวรรค์ - พิจิตร> หรือ <รถนครสวรรค์-พิษณุโลก> รถมีตลอดวัน
ถ้ามาจากพิษณุโลก ให้ขึ้นรถสาย < พิษณุโลก – พิจิตร> หรือ < พิษณุโลก-นครสวรรค์>
ถ้ามาจากกำแพงเพชร ให้ขึ้นรถสาย < กำแพงเพชร-พิจตร> ลงแยกปลวกสูง ต่อรถประจำทาง พิจิตร – นครสวรรค์
รถทุกสายจะผ่าน “พุทธอุทยานประวัติศาสตร์มหาราชหยกขาว” หลักกิโลเมตร ที่ 80
(ระหว่างนครสวรรค์ ไป พิษณุโลก สาย 117)
ขึ้นรถไม่ถูกขอสอถามเจ้าหน้าที่ได้ มีเบอร์รถตู้ โทร.เจ้าหน้าที่ 087-007-8607
((((( การเดินทางมายัง สำนักวิปัสสนากรรมฐาน "สวนป่าซำบอนวิปัสสนา" ต.ชัยนาม อ.วังทองจ.พิษณุโลก ))))))
ขึ้นรถโดยสารประจำทาง หรือรถตู้ ที่หมอชิต
ลงรถที่บขส พิษณุโลก ต่อรถมาอำเภอวังทอง หรือโทรเเจ้งทางศูนย์ให้มารับที่ บขส
หรือ ถ้าขึ้นรถมา อำเภอวังทอง ได้เล้ว มีรถวินมอเตอร์ไซต์ รับจ้าง ข้างเซเว่น วังทอง
((อานิสงส์ของผู้เข้ารับการอบรม การปฏิบัติธรรม เจริญสติ ภาวนา))
1.ได้บุญสูงสุดในพระพุทธศาสนา (มากว่าทาน และศีล)
2.เป็นทางเเห่งการบรรลุธรรมได้มากที่สุด (มากกว่าวิธีใดๆ)
3.ได้เริ่มเรียนรู้พระพุทธศาสนา ด้วยการนำหลักธรรมตามคำสั่งสอนมาฝึกฝนปฏิบัติจริง (สืออายุพระศาสนา)
4.ได้ละคลายทางความเห็นผิดในการดำเนินชีวิต
5.ได้เเนวทางเดินที่ถูกต้องตามเเบบมรรค-หนทางเเห่งการดับทุก
6. ได้ละบาปอย่างบางที่ได้ทำไว้ให้หายไป-หรือบาปอย่างหลักจะเบาบางลง
7. ลดอุปสรรคในการดำเนินชีวิตให้เบาบางลง-เพิ่มความสำเร็จเเก่ชีวิต-การงาน-ครอบครัว-ด้วยอานุภาพเเห่งเมตตาภาวนา
8.เป็นจุดเริ่มต้นเเรกๆในการศึกษาธรรมที่ดีที่สุด (จิตมีพื้นฐานที่ดี คือสมาธิ)
9.ทำให้มีอายุยืนด้วยอานุภาพเเห่งบุญ (อุทิศให้สัพสัตย์ที่เราเคยทำร้าย )
สุขภาพจิตดี สุขภาพกายย่อมดีตามไปด้วย
10.สามารถรู้กฏเเห่งกรรมคือสามารถระลึกได้ว่าเคยกระทำกรรมใดมาด้วยสติเเล้วเเก้ให้เขาอโหสิกรรม
11.มีอายุยืนการที่เราได้ปฏิบัติธรรม..ทำให้เราได้นำสติออกมาใช้มากขึ้น.ชีวิตก็ไม่ประมาท--
เราจะรักตัวเองมทากขึ้น--เมื่อเรารักตัวเองมากขึ้นสุขภาพร่างกายเราก็อายุยืน--ด้วยธรรมโอสถ--
เพราะธรรมะรักษาจิต ยารักษากาย (จิตดี-กายย่อมดี)
12.เป็นการตอบเเทนพระคุณบิดามารดาได้ดีที่สุด-เพราะการส่งบุญจากภาวนาได้บุญมาก
เป็นต้น นี่เป็นส่วนหนึ่งในอานิสงส์ของการปฏิบัติธรรม เท่านั้น
13.การปฏิบัติธรรม ชื่อว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะได้พักจิตของเราจากกิเลสคือความทุกข์
14.ได้ชำระจิตใจให้ใสสะอาด ปราศจากเครื่องเศร้าหมองในจิตใจ ให้เราได้มีพละกำลังใจดำเนินชีวิตต่อไป
15.ผู้ปฏิบัติธรรมไปที่ไหนย่อมปลอดภัยทางอันตราย (เพราะบุญเราก็รักษา เทวดาก็คุ้มครองป้องกันภัยอัตราย)
ผู้เข้าปฏิบัติธรรมสามารถร่วมกิจกรรมบุญได้ ดังนี้ คือ
1.สามารถเตรียมอาหารแห้งตักบาตรพระได้ทุกวัน
2.สามารถเตรียม ถวายสังฆทาน+เครื่องใช้ (วันสุดท้ายการอบรม)
ดูรูปภาพกิจกรรมโครงการปฏิบัติธรรม โครงการที่ผ่านมา...ได้ที่ลิงค์
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.247277945364735.57207.100002475932455&type=1
เเละสามารถติดตามข่าวสารของศูนย์อบรมปฏิบัติธรรม..เเละร่วมโมทนาสาธุการกับการบำเพ็ญธรรมได้
สารบุญ "ชมรมพุทธบุตรบารมี" ได้ที่
facebook
=lamphongdhamma@hotmail.com ศูนย์พุทธบริษัทสากล
คัดลองข้อมูลจาก
http://www.dhammadee.com (เว็บไซต์ธรรมะดี)
ไอดี ไลท์....ค้นชื่อ dhammadeenews
ข้อมูล(เพิ่มเติม)
ปลิโพธ (ความกังวล) 10 ปลิโพธ เครื่องผูกพันหรือหน่วงเหนี่ยวเหตุกังวล,
ข้อติดข้อง; ปลิโพธที่ผู้จะเจริญกรรมฐานพึงตัดเสียให้ได้ เพื่อให้เกิด
ความปลอดโปร่งพร้อมที่จะเจริญกรรมฐานให้ก้าวหน้าไปได้ดีมี ๑๐ อย่าง คือ
๑ อาวาสปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับวัดหรือที่อยู่
๒. กุลปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับตระกูลญาติหรืออุปัฎฐาก
๓. ลาภปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับลาภ
๔. คณปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับคณะศิษย์หรือหมู่ชนที่ตนต้องรับผิดชอบ
๕. กรรมปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการงานเช่น การก่อสร้าง
๖. อัทธานปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการเดินทางไกลเนื้อด้วยกิจธุระ
๗. ญาติปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับญาติหรือคนใกล้ชิดที่จะต้องเป็นห่วงซึ่งกำลังเจ็บป่วยเป็นต้น
๘. อาพาธปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บไข้ของตนเอง
๙. คันถปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน
๑๐. อิทธิปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับฤทธิ์ของปุถุชนที่จะต้องคอยรักษาไม่ให้เสื่อม
(ข้อท้ายนี้เป็นปลิโพธสำหรับผู้จะเจริญวิปัสสนา เท่านั้น)
** รายการทำบุญร่วมพัฒนาของศูนย์อบรมปฏิบัติธรรม **
((เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาให้เกิดความสมบูรณ์ เเละอำนวยความสะดวกให้เเก่ผู้ปฏิบัติธรรม))
1.รับเจ้าภาพสร้างองค์พระประธานในศาลาปฏิบัติธรรม 4 องค์
(องค์ที่ 1) ในศาลาปฏิบัติธรรม หลังใหม่ สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา จ.พิจิตร
(องค์ที่ 2 ) ในศาลาปฏิบัติธรรม หลังใหม่ สวนป่าซำบอนวิปัสสนา จ.พิษณุโลก
(องค์ที่ 3 ) สวนป่าปลักกลดของพระธุดงค์ สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา จ.พิจิตร
(องค์ที่ 4 ) ลานโค้ง สวนป่าซำบอนวิปัสสนา จ.พิษณุโลก
2.รับเจ้าภาพอุปถัมภ์ สร้างศาลาปฏิบัติธรรม หลังใหม่ 2 หลัง
1 . ที่ สวนป่าซำบอนวิปัสสนา จ.พิษณุโลก
2. ที่ สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา จ.พิจิตร
3.รับเจ้าภาพสร้างห้องพักผู้ปฏิบัติธรรม(เเบบรวม) จำนวน 4 หลัง
4.รับเจ้าภาพสร้างโรงครัว โรงทาน 2 หลัง
5.รับเจ้าภาพสร้างห้องน้ำผู้ปฏิบัติธรรม จำนวน 100 ห้อง ใช้สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
สามารถจองเป็นเจ้าภาพหลัก หรือร่วมสมทบกองทุน (ตามศรัทธา)
สอบถาม/ร่วมทำบุญ โทร.087-007-8607
---ขอเชิญญาติธรรม อุบาสก-อุบาสิกา ได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมปฏิบัิตธรรม ภาวนารักษาใจ ให้ใส สะอาด ปราศจาคสิ่งเศร้าหมอง ด้วยการสมัครเข้ารับการปฏิบัิตธรรม
((( ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ )))----
*******(พุทธวจนะ)ธัมมะจารี สุขัง เสติ : ธรรมะย่อม รักษาผู้ประพฤติธรรม******